แนะนำเที่ยว คูเวตซิตี้, คูเวต – เมืองที่ร้อนมากที่สุดในโลก 

 

คูเวตซิตี้ (Kuwait City)

คูเวตซิตี้ (Kuwait City) เมืองหลวงและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศคูเวต เป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวเปอร์เซีย มีภูมิอากาศแบบทะเลทรายที่ร้อนจัด

โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ที่นี่ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดในโลก โดย  huaydee   ขอแนะนำว่าบางครั้งอุณหภูมิอาจพุ่งสูงถึงกว่า 50 องศาเซลเซียส

 

ประวัติความเป็นมา

คูเวตซิตี้มีประวัติความเป็นมายาวนาน ย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 18 เมื่อเมืองนี้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยชนเผ่าอาหรับที่ย้ายถิ่นฐานมา ตั้งแต่นั้นมา คูเวตซิตี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญ

เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวเปอร์เซียซึ่งเอื้อต่อการค้าทางเรือ ในศตวรรษที่ 19 คูเวตซิตี้เริ่มมีบทบาทในฐานะศูนย์กลางการค้าระหว่างอินเดียและภูมิภาคเมโสโปเตเมีย และได้รับความสำคัญมากขึ้นเมื่อการค้นพบน้ำมันในคูเวตเกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งทำให้ประเทศคูเวตและคูเวตซิตี้เป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำมันที่สำคัญของโลก

 

 แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

คูเวตซิตี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายและน่าสนใจ หนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาด

  1. Kuwait Towers (หอคอยคูเวต) – สัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของคูเวตซิตี้ ประกอบด้วยหอคอยสามแห่งที่มีความสูงแตกต่างกัน เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองและทะเลได้อย่างชัดเจน หอคอยเหล่านี้ยังมีร้านอาหารหมุนที่ให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เหมือนใคร
  2. The Grand Mosque (มัสยิดใหญ่คูเวต) – มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในคูเวตและเป็นหนึ่งในมัสยิดที่งดงามที่สุดในโลก มัสยิดนี้มีความจุถึง 10,000 คน การออกแบบภายในมีรายละเอียดที่สวยงามและสะท้อนถึงศิลปะอิสลาม
  3. The Avenues (เดอะ อเวนิวส์) – หนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง มีร้านค้ามากมาย ร้านอาหารนานาชาติ และศูนย์บันเทิงที่หลากหลาย เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการช้อปปิ้งและพักผ่อน
  4. Souq Al-Mubarakiya (ตลาดมูบาราเกียะ) – ตลาดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 200 ปี เป็นสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น และซื้อสินค้าพื้นเมืองเช่น เครื่องเทศ ผลไม้แห้ง และของที่ระลึกต่าง ๆ

 

สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากลองไปเที่ยว คูเวตซิตี้  แต่เนื่องจากคูเวตซิตี้มีสภาพอากาศที่ร้อนจัดในฤดูร้อน ดังนั้นจึงควรเลือกเวลาในการเดินทางไปเที่ยว  ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวคือในช่วงฤดูหนาว

ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ในช่วงนี้อากาศจะเย็นลงและสบายขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจเมืองและเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิที่สูง

 

คูเวตซิตี้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความทันสมัย แม้จะเป็นเมืองที่ร้อนที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวและประสบการณ์ที่ได้รับทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจและคุ้มค่าที่จะมาเยือน

แนะนำเที่ยว เอล อัลโต, โบลิเวีย: เมืองที่สูงที่สุดในโลก

เอล อัลโต (El Alto) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในประเทศโบลิเวีย ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสูงมากที่สุดในโลก โดยอยู่ที่ระดับความสูงเฉลี่ยประมาณ 4,150 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เมืองนี้ตั้งอยู่ใกล้กับลาปาซ (La Paz) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของโบลิเวีย

แม้ว่าเอล อัลโตจะเป็นเมืองที่ตั้งอยู่สูง แต่ก็มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมากและเป็นเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็วในแง่ของจำนวนประชากรและเศรษฐกิจ

ประวัติความเป็นมา

เอล อัลโตเริ่มต้นขึ้นในฐานะเป็นพื้นที่สำหรับขยายเมืองลาปาซในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เนื่องจากลาปาซมีการเติบโตของประชากรที่รวดเร็วและพื้นที่ของเมืองไม่สามารถขยายได้อีก ทำให้เอล อัลโตเริ่มมีการก่อตั้งขึ้น

โดยเริ่มแรกเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของแรงงานและประชาชนที่ย้ายมาจากพื้นที่ชนบท จากนั้นเมืองก็เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและสังคม

 

ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา เอล อัลโตกลายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางการเมืองและการเคลื่อนไหวทางสังคมในโบลิเวีย เมืองนี้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศ โดยเป็นที่ตั้งของการชุมนุมและการประท้วงที่สำคัญหลายครั้ง

 

สถานที่ท่องเที่ยว

  1. ตลาดท้องถิ่น: เอล อัลโตเป็นที่รู้จักในเรื่องของตลาดท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในโบลิเวีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดที่จัดขึ้นทุกวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ ที่นี่คุณสามารถพบสินค้าหลากหลายตั้งแต่เสื้อผ้าแบบดั้งเดิม อาหารท้องถิ่น ไปจนถึงสินค้ามือสอง
  2. วิวทิวทัศน์ของเทือกเขาแอนดีส: จากเอล อัลโต นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของเทือกเขาแอนดีส ซึ่งเป็นหนึ่งในเทือกเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก การชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
  3. การแสดงดนตรีและวัฒนธรรม: เอล อัลโตเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย คุณสามารถพบกับการแสดงดนตรีและเต้นรำที่สะท้อนถึงประเพณีและวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองในโบลิเวีย
  4. การนั่งกระเช้าลอยฟ้า: เมืองเอล อัลโตมีระบบกระเช้าลอยฟ้าที่ทันสมัย ซึ่งเชื่อมต่อเมืองกับลาปาซ คุณสามารถนั่งกระเช้าเพื่อชมวิวเมืองและภูมิประเทศโดยรอบได้อย่างสะดวกสบาย

 

สำหรับ  กินโปรตีนเชคยังไงให้ผอม     หรือนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากจะทดลองไปเที่ยว เอล อัลโต   ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเยี่ยมชมเอล อัลโตคือระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน

ซึ่งเป็นช่วงฤดูแล้ง อากาศเย็นสบายและท้องฟ้าโปร่งใส ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรเตรียมตัวสำหรับอากาศที่เย็นจัดในช่วงเวลากลางคืนเนื่องจากความสูงของเมือง

 

เอล อัลโตเป็นเมืองที่ไม่เหมือนใครด้วยความสูงและวัฒนธรรมที่หลากหลาย นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นเอกลักษณ์ของโบลิเวียผ่านสถานที่และประสบการณ์ที่มีเพียงที่นี่เท่านั้น

แนะนำเที่ยว ยาคุตสค์, รัสเซีย – เมืองที่หนาวเย็นที่สุดในโลก

ยาคุตสค์ (Yakutsk) ตั้งอยู่ในภูมิภาคไซบีเรียของรัสเซีย เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐซาฮา (Sakha Republic) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ยาคูเทีย (Yakutia)

เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่หนาวเย็นที่สุดในโลก โดยอุณหภูมิในช่วงฤดูหนาวอาจลดต่ำลงถึง -40 ถึง -50 องศาเซลเซียส ในบางครั้งอุณหภูมิอาจลดต่ำถึง -60 องศาเซลเซียส ซึ่งทำให้ยาคุตสค์เป็นเมืองที่มีความท้าทายในการอยู่อาศัยอย่างยิ่ง

ประวัติศาสตร์ของยาคุตสค์เริ่มต้นในปี 1632 เมื่อทหารรัสเซียมาตั้งป้อมปราการที่นี่เพื่อใช้เป็นฐานในการสำรวจและพิชิตดินแดนไซบีเรีย ที่นี่เคยเป็นเส้นทางการค้าสำคัญในช่วงศตวรรษที่ 19 และกลายเป็นศูนย์กลางของการขุดค้นแร่ เช่น เพชรและทองคำ

ซึ่งทำให้เมืองนี้มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากขึ้น ยาคุตสค์ยังมีบทบาทในฐานะศูนย์กลางของวัฒนธรรมซาฮา ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของภูมิภาคนี้ที่มีเอกลักษณ์ด้านภาษาศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะที่โดดเด่น

 

ถึงแม้ ยาคุตสค์  จะเป็นสถานที่ที่หนาวเย็นที่สุด แต่ก็ยังสามารถเที่ยวได้ หากใครที่อยากลองไปเที่ยวสถานที่ที่มีอากาศเย็นว่าจะเผชิญกับสถานการณ์อย่างไร แนะนำให้ลองไปที่เที่ยวที่ ยาคุตสค์  เพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวในยาคุตสค์มีหลากหลาย

เริ่มจากพิพิธภัณฑ์ยาคูเทีย (Yakutsk Museum) ซึ่งเป็นสถานที่ที่นำเสนอประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองซาฮา พิพิธภัณฑ์แม่น้ำเลนา (Lena River Museum) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจ ซึ่งเน้นการนำเสนอเกี่ยวกับวิถีชีวิตและระบบนิเวศของแม่น้ำเลนา

นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์แมมมอธ (Mammoth Museum) ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมฟอสซิลและโครงกระดูกของสัตว์ยุคน้ำแข็ง โดยเฉพาะแมมมอธที่พบในพื้นที่นี้ นอกจากนี้ยังมีอาคารแบบดั้งเดิมของซาฮา (Sakha Architecture) ที่แสดงถึงวิถีชีวิตและสถาปัตยกรรมของชนพื้นเมือง

การเดินทางไปยาคุตสค์ควรวางแผนให้ดี โดยทั่วไปแนะนำให้ไปเที่ยวในช่วงฤดูร้อน (เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม)

ซึ่งอุณหภูมิจะไม่หนาวเกินไป และยังสามารถสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามของภูมิภาคนี้ได้ ในช่วงเวลานี้ยังมีเทศกาลและกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ เช่น การล่องเรือในแม่น้ำเลนา หรือการเดินป่าในพื้นที่รอบเมือง

หากต้องการสัมผัสกับประสบการณ์ฤดูหนาวและความหนาวเย็นที่สุดในโลก สามารถมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาว (เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์)

ซึ่งจะได้สัมผัสกับความหนาวเย็นอันสุดขั้ว และยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมฤดูหนาวเช่น การขี่เลื่อนสุนัขหรือการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แมมมอธ อย่างไรก็ตาม ต้องเตรียมตัวเรื่องอุปกรณ์กันหนาวอย่างดีเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย

ยาคุตสค์เป็นเมืองที่มีความหลากหลายและเอกลักษณ์ทั้งด้านวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์ การเดินทางไปเยี่ยมชมที่นี่จะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หรือการเผชิญหน้ากับความหนาวเย็นที่เหนือชั้นของธรรมชาติ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เคลียร์โปรตีน

แนะนำเที่ยว ลองเยียร์เบียน, นอร์เวย์ – เมืองที่อุณหภูมิสูงขึ้นเร็วที่สุดในโลก 

ลองเยียร์เบียน (Longyearbyen) เป็นเมืองหลักในหมู่เกาะสฟาลบาร์ด (Svalbard) ของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ห่างจากขั้วโลกเหนือเพียงประมาณ 1,300 กิโลเมตร เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่ตั้งอยู่เหนือสุดของโลก และถือเป็นศูนย์กลางการอยู่อาศัยและการวิจัยในภูมิภาคอาร์กติก

ประวัติความเป็นมา

ลองเยียร์เบียนก่อตั้งขึ้นในปี 1906 โดย John Munro Longyear นักธุรกิจชาวอเมริกันที่เริ่มต้นกิจการเหมืองถ่านหินในพื้นที่นี้ เมืองนี้เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากการทำเหมือง ซึ่งเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักของเมืองในช่วงต้น แม้ว่าการทำเหมืองถ่านหินจะลดลงในศตวรรษที่ 20

เนื่องจากทรัพยากรถ่านหินเริ่มหมดลง แต่เมืองยังคงเจริญเติบโตจากการท่องเที่ยวและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยมีสถาบันการศึกษาที่เน้นการศึกษาภูมิภาคขั้วโลก เช่น มหาวิทยาลัยแห่งสฟาลบาร์ด (UNIS)

 

สถานที่ท่องเที่ยวในลองเยียร์เบียน

ลองเยียร์เบียนเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่งดงามและภูมิทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น:

  1. Global Seed Vault: โกดังเมล็ดพันธุ์โลก ตั้งอยู่ในภูเขาหินขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ที่เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชจากทั่วโลก เพื่อป้องกันการสูญพันธุ์ของพืชสำคัญในกรณีเกิดภัยพิบัติ
  2. Svalbard Museum: พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ของหมู่เกาะสฟาลบาร์ด รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการสำรวจขั้วโลก การล่าแมวน้ำ และการขุดเจาะถ่านหิน
  3. Northern Lights: การชมแสงเหนือ (Aurora Borealis) เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นแสงออโรราที่ส่องสว่างในท้องฟ้ายามค่ำคืน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
  4. Snowmobile and Dog Sledding Tours: การนั่งสโนว์โมบิลและเลื่อนสุนัขลากเป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและน่าจดจำ ที่นี่มีทัวร์ที่พานักท่องเที่ยวไปสำรวจธรรมชาติที่งดงามและพื้นที่รอบนอกของลองเยียร์เบียน
  5. Hiking and Glacier Tours: นักท่องเที่ยวสามารถเดินป่าและสำรวจธารน้ำแข็งในฤดูร้อน ซึ่งจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่งดงามและเงียบสงบของขั้วโลกเหนือ

 

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม

การเที่ยวลองเยียร์เบียนมีความน่าสนใจตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับความสนใจของนักท่องเที่ยว:

– ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์): ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับประสบการณ์อันตื่นตาตื่นใจของคืนขั้วโลก (Polar Night) ที่ดวงอาทิตย์ไม่ขึ้นเลยในช่วงนี้

– ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม): เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเดินป่าและทัวร์สำรวจธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับวันขั้วโลก (Midnight Sun) ที่ดวงอาทิตย์ไม่ตกดินตลอด 24 ชั่วโมง

 

ลองเยียร์เบียนเป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และการท่องเที่ยว โดยมีทั้งธรรมชาติที่งดงามและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร จึงเป็นจุดหมายที่น่ามาเยือนสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยและการเรียนรู้เกี่ยวกับขั้วโลกเหนือ

 

สนับสนุนโดย    huaylike เข้าสู่ระบบ

สถานที่ในประเทศไทย  ที่มีเอกลักษณ์ในตัว เกี่ยวกับเรื่องราวประวัติศาสตร์

2  จุดสถานที่ในประเทศไทย  ที่มีเอกลักษณ์ในตัว และจะอยู่คนละภูมิภาคกันแต่รับรองว่ามาแล้วนั้นร้องว้าวแน่นอน ทั้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ และทะเลแสนสวย 

1.เมืองประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา    

อยุธยานำเสนอความงดงามของความรุ่งโรจน์ของประเทศไทยโบราณ ที่ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมซากปรักหักพังอันแสนโรแมนติกของเมืองหลวงเก่าแห่งนี้   อยุธยาเคยเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย และพระราชวังและวัดเก่าแก่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสิ่งนี้

วัดกว่าร้อยวัด เจดีย์ (สถูปแบบไทย) ปรางค์ และพระพุทธรูปนับพันองค์กระจายอยู่ทั่วสวนสาธารณะ วัดทุกแห่งในอยุธยานั้นน่าทึ่ง แต่บางทีที่น่าจดจำที่สุดคือวัดมหาธาตุซึ่งเป็นที่รู้จักจากรูปปั้นพระพักตร์ที่ถูกรากไม้ห้อมล้อมจนหมด   อยุธยาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ

เพียงนั่งรถบัสหรือรถไฟเพียงระยะสั้นๆ ทำให้สะดวกสำหรับการเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับหากคุณมีเวลาจำกัด   หากคุณมีตารางงานที่สบายๆ มากขึ้น ให้วางแผนใช้เวลาสองสามวันในการสำรวจเมืองหลวงโบราณและเช่าจักรยานยนต์เพื่อเที่ยวชมทั้งเมืองเก่าและเมืองใหม่  

2.ชายหาดของเกาะสมุย 

เกาะสมุยเป็นที่ตั้งของชายหาดที่สวยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชายหาดแต่ละแห่งบนเกาะสมุยมีสิ่งที่แตกต่างกัน  ชายหาดบางแห่งเหมาะสำหรับการอยู่อย่างสันโดษ; บางแห่งเต็มไปด้วยกิจกรรม กีฬาทางน้ำ และผู้คนจำนวนมาก   ชายหาดที่ใหญ่ที่สุดและพลุกพล่านที่สุดของเกาะคือเฉวง

ซึ่งคุณจะได้พบกับแหล่งช้อปปิ้งที่ดีที่สุด สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และร้านอาหารที่อร่อยที่สุด น้ำทะเลสีฟ้าครามและต้นปาล์มที่เต้นระบำตามลมทะเลอาจอธิบายได้ว่าทำไมรีสอร์ทที่ดีที่สุดบางแห่งของเกาะจึงมาอยู่ที่นี่   โปรดจำไว้ว่าเฉวงเป็นชายหาดที่มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดบนเกาะสมุย

หากคุณต้องการบรรยากาศชายหาดอันเงียบสงบ ให้มุ่งหน้าไปตามชายฝั่งทางเหนือหรือไปทางฝั่งตะวันตกของเกาะ ชายหาดเหล่านี้อาจไม่มีบริการมากเท่ากับหาดเฉวง แต่ก็ชดเชยด้วยความสวยงามและความเป็นส่วนตัวสูงสุด ชายหาดที่ฉันชอบคือหาดแม่น้ำที่ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทางตอนเหนือ   

เมื่อมุ่งหน้าไปทางใต้ของหาดเฉวง คุณจะพบกับหาดละไม ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยและราคาไม่แพงกว่าเล็กน้อย แต่ยังคงพลุกพล่านในตอนกลางวันเนื่องจากนักท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับมาถึง  สำหรับแบ็คแพ็คเกอร์และผู้ที่มีงบจำกัด มีหาดแม่น้ำ ในขณะที่หาดบ่อผุด

  รู้จักกันดีในชื่อ “หมู่บ้านชาวประมง”  เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสถานที่ที่ยังคงรักษากลิ่นอายความเป็นไทยดั้งเดิมไว้ ที่บ่อผุด นั่นหมายถึงอาคารพาณิชย์ไม้แบบไทย-จีนที่ตั้งอยู่ใกล้กับโรงแรมบูติกและสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย   หากคุณมีความเป็นส่วนตัว

หาดซิลเวอร์ที่มีความยาว 250 เมตรนั้นค่อนข้างซ่อนตัวอยู่หลังเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ และนำเสนอทิวทัศน์อันสวยงามเหนือผืนน้ำและการดำน้ำตื้นที่ยอดเยี่ยม บางปอบนชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือเป็นชายหาดที่เงียบสงบอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีนักท่องเที่ยวน้อยลง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    alpha888 เครดิตฟรี

อ่างแก้ว  ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่   จังหวัดเชียงใหม่ 

      สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติและมีความเงียบสงบนอกจากจะไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆเช่นป่าเขาลำเนาไพรหรือการไปท่องเที่ยวน้ำตกภูเขาแล้วแนะนำว่าจังหวัดเชียงใหม่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายอย่างเช่นในเขตอำเภอเมืองเอกก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศชิวๆเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

สำหรับ  หวยดี   สถานที่ท่องเที่ยวที่จะพาไปรู้จักต่อไปนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถ้าหากไม่ใช่คนในพื้นที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกันมากนัก

แต่ถ้าหากนักท่องเที่ยวค้นหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ใน Google ก็จะเห็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อย่างแน่นอนเพราะที่นี่นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตตลอดกาลเป็นจุดเช็คอินที่บรรดานักท่องเที่ยวมักจะเดินทางมาเช็คอินที่นี่ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรจะแวะมา

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้นั้นก็คืออ่างแก้วซึ่งจุดนี้จะอยู่ในเขตพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของ มช.  นั่นเอง   

ที่นี่ถือว่าเป็นจุดเช็คอินที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเลยทีเดียวและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่อ่างแก้วแห่งนี้ก็มักจะเดินทางมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมาเอาบรรยากาศที่บริสุทธิ์ในยามเช้าและแดดไม่แรงมากนักเหมือนกับเป็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่นั่นเองซึ่งผู้คนในจังหวัดเชียงใหม่

มักจะพาลูกหลานมาวิ่งเล่นในช่วงวันหยุดหรือในช่วงยามเช้าตรู่ก็จะมีบรรดานักท่องเที่ยวหรือคนในจังหวัดเชียงใหม่มาออกกำลังกายมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในช่วงนี้เรียกได้ว่าเมื่อเสพบรรยากาศที่สบายๆส่วนคนหนุ่มสาวก็มักจะมาเดินเล่นนั่งเล่นกันเพราะที่นี่นั้นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามหากในช่วงเช้าใครไม่มีเวลาคุณก็สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งวันเพราะที่อ่างแก้วแห่งนี้นั้นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเพลิดเพลินกับบรรยากาศของที่นี่ได้จนถึง 22:00 น เลยทีเดียวดังนั้นจะเห็นได้ว่าในช่วงเวลาเช้าตรู่หรือแม้แต่ช่วงเวลายามเย็นนั้นก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเช็คอินที่นี่เยอะแยะมากมายส่วนเวลากลางวันนั้นค่อนข้างน้อยเพราะแดดอาจจะร้อนไม่เหมาะกับการที่จะมาเสพบรรยากาศชิวๆนั่นเอง

อย่างไรก็ตามหากใครมาก็สามารถขับรถมาได้โดยอ่างแก้วนั้นจะอยู่ตรงบริเวณซอยสุโขทัย 5 ซึ่งคุณสามารถค้นหาเส้นทางการเดินทางมาที่อ่างแก้วแห่งนี้ได้จากทาง Google Map ซึ่งที่นี่นั้นจะมีร้านสำหรับให้นักท่องเที่ยวไว้จอดรถดังนั้นรับรองได้เลยว่าคุณจะมีที่จอดรถและมีที่ให้คุณนั้นถ่ายรูปเช็คอินอย่างแน่นอน 

สำหรับจังหวัดเชียงใหม่นั้นยังมีสถานที่ที่มีบรรยากาศชิวๆมีอากาศที่สดชื่นเย็นสบายนั้นเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดเลยทีเดียวดังนั้นหากใครเต้ได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่แนะนำว่าควรจะลางานมาหลายวันหน่อยเพื่อที่คุณนั้นจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศของจังหวัดเชียงใหม่ที่ดีมากๆนั่นเอง 

สถานที่บาร์นั่งกินลม ชมวิว ทิวทัศน์ทะเล  ยามค่ำคืนที่แสนสวยงาม  ณ ภูเก็ต 

3 สถานที่บาร์นั่งกินลม ชมวิว ทิวทัศน์ทะเล  ยามค่ำคืนที่แสนสวยงาม  ณ ภูเก็ต 

1.พระอาทิตย์ตกและอาหารค่ำแบบพาโนรามาในกะตะน้อย  เดอะ ซันเด็ค ภูเก็ต

เป็นเลานจ์บาร์และร้านอาหารแห่งใหม่บนทำเลที่ยอดเยี่ยม สูงเหนือหาดกะตะน้อยที่สวยงาม   สถานการณ์ระหว่างหาดกะตะและหาดในหานเป็นเช่นนั้นแทบทุกคนจะต้องขับรถผ่านหน้าจุดชมวิวที่สวยงามแห่งนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง เดอะ ซันเด็ค ภูเก็ต อยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวกะรนอันโด่งดัง

ซึ่งเป็นเนินเขาที่สามารถมองเห็นสามอ่าวอันเลื่องชื่อ     คุณสามารถหยุดเวลาใดก็ได้ของวันที่ The Sundeck แม้กระทั่งเพื่อดื่มเครื่องดื่มพร้อมชมวิว เนื่องจากเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการพักระยะสั้น ๆ   พร้อมชมวิวทะเลและดนตรีไพเราะระหว่างการสำรวจภูเก็ตของคุณ   ลานอาบแดด  ให้บริการอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเมดิเตอร์เรเนียนและแซงเกรียที่ดี   ที่ดีที่สุด

คือการหยุดพักในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินเพื่อเพลิดเพลินกับอาหารค่ำแบบสบาย ๆ พร้อมค็อกเทลและไวน์ชั้นเลิศในขณะที่ชื่นชมพระอาทิตย์ตกดินบนอ่าวกะตะน้อยที่อยู่ตรงหน้าคุณ ส่วนหนึ่งของเมนูสร้างสรรค์โดยเชฟ Nikola Lesar ผู้ชนะมาสเตอร์เชฟชาวโครเอเชียและเจ้าของร้าน Rustic Eatery and Bar ที่ยอดเยี่ยมในหาดป่าตอง   

 

2.บาร์จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกในป่าตอง  

ป็นร้านเล็กๆ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงด้านหลังหาดป่าตอง   คุณสามารถไปที่นั่นได้ตั้งแต่ 16.00 น. เพื่อชมพระอาทิตย์ตกพร้อมทิวทัศน์มุมกว้างของป่าตอง  วัสสา   เป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ ไม่กี่หลังที่มีเฉลียงทำจากไม้และหลังคามุงจาก ล้อมรอบด้วยต้นไม้และความเขียวขจี  

จุดชมวิวยอดนิยมแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีในการปรนเปรอตัวเองด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ ของว่างหรืออาหารไทยเมื่อสิ้นสุดวันที่อากาศร้อนในภูเก็ต   ระเบียงไม้ขนาดใหญ่ที่ วาสซ่า โฮมเมด บาร์เหมาะสำหรับการนั่งชิลล์เป็นเวลาหลายชั่วโมงและเพลิดเพลินกับ  ทิวทัศน์เมฆ  ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเหนือทะเลขณะเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มของคุณ

จาก    ole777    จุดนั้น คุณจะจำห้างสรรพสินค้าจังซีลอนและป่าตองทาวเวอร์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารสูงแห่งเดียวในป่าตองก่อนที่กฎหมายต่อต้านหอคอยสูงจะผ่านเมื่อหลายสิบปีก่อน  วาสซ่า โฮมเมด บาร์ ได้เพิ่มแพลตฟอร์มขนาดเล็กขึ้นที่บริเวณด้านหน้าของบาร์เพื่อรองรับลูกค้าจำนวนมากขึ้น แต่พื้นที่นี้หากสงวนไว้สำหรับแขกวีไอพีบ่อยๆ  

น่าแปลกที่ฤดูฝนอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพที่น่าทึ่ง โดยมีเมฆก้อนโตลอยอยู่เหนือมหาสมุทรต่อหน้าดวงอาทิตย์  พวกเขายังให้บริการอาหารว่างและเครื่องดื่มแบบไทยๆ ในราคาย่อมเยา แค่วิวพาโนรามานี้ก็คุ้มกับการปีนแล้ว โปรดจำไว้ว่าสถานที่นี้ยังคงเป็นทรัพย์สินส่วนตัว และคุณต้องซื้อของบางอย่างเพื่อเข้าพักและถ่ายรูป   ดูเหมือนจะชัดเจน แต่หลายคนดูเหมือนจะลืมข้อเท็จจริงพื้นฐานนี้ไป  

 

3.Casa Boho ที่ไฮแอทรีเจนซี่  

กำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ผ่อนคลายแต่มีความซับซ้อนเล็กน้อย? นั่งที่ร้านอาหารและบาร์เม็กซิกัน Casa Boho ซึ่งอยู่สูงเหนือหาดกมลาที่ Hyatt Regency อันหรูหรา แล้วเลือกค็อกเทลและไวน์รสเลิศเพื่อชมพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าไปในทะเลอันดามัน 

การผสมผสานระหว่างขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมโบราณของมาเลเซีย

มาเลเซียเป็นประเทศที่น่าตื่นตาตื่นใจ เป็นที่รู้จักจากการผสมผสานระหว่างขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมโบราณเข้ากับความทันสมัย   เรามีสถานที่ต่างมาแนะนำ  ตามต่อไปนี้ 

1.เกาะมานูกัน – กีฬาทางน้ำที่น่าตื่นเต้น   เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของมาเลเซีย เกาะมานูกันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นในมาเลเซียที่ควรไปเยี่ยมชมอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต  เกาะแห่งนี้เป็นแหล่งรวมกีฬาทางน้ำและชายหาดมากมาย

และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายให้กับคนในพื้นที่และนักเดินทาง เกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านแนวปะการังที่มีกลิ่นอายของสีสันที่สดใสและสะดุดตา เกาะแห่งนี้สามารถเข้าถึงได้โดยเรือเฟอร์รี่จากโคตาคินาบาลู มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีที่สุดท่ามกลางเกาะต่างๆ ของมาเลเซีย   

2.Pulau Tioman – เส้นทางที่น้อยลง   ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เป็นหนึ่งในเกาะที่เล็กที่สุด ได้รับการติดแท็กว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามที่สุดในมาเลเซียซึ่งไม่น้อยไปกว่าสวรรค์บนดิน ป่าทึบเขียวชอุ่มและน้ำทะเลสีฟ้าบริสุทธิ์ของเกาะแห่งนี้ไม่ได้ทำให้คุณผิดหวังและมีกลิ่นอายของความเงียบสงบและน่าหลงใหล Pulau Tioman

มักจะถูกทิ้งร้างอยู่ในอันดับต้นๆ ของรายการเส้นทางที่ไม่ค่อยมีใครไป ยกเว้นเดือนที่มาเลเซียเผชิญกับมรสุม (พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์)  

3.มะละกา – เมืองแห่งสถาปัตยกรรมโบราณ  ในปี 2008 มาเลกาได้รับสถานะแหล่งมรดกของยูเนสโก และได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องไปชมในมาเลเซียนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มะละกาซึ่งอยู่ห่างจากกัวลาลัมเปอร์ 2 ชั่วโมง   เป็นท่าเรือการค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาปัตยกรรมโบราณแห่งนี้บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของมาเลเซีย ไม่ควรพลาด ทริปกับครอบครัว? อย่าลืมเยี่ยมชมสถานที่สุดคลาสสิกในมะละกาสำหรับเด็กๆ เช่น พิพิธภัณฑ์มรดกยอนย่า  

4.จอร์จทาวน์ – กลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์  จอร์จทาวน์ เมืองประวัติศาสตร์ยอดนิยม เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของมาเลเซียที่ผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์จะต้องไปเยี่ยมชม เมืองนี้ได้รับการประดับประดาด้วยแหล่งมรดกอันวิจิตรงดงามและอนุสาวรีย์แสวงบุญ ทำให้ได้สัมผัสถึงช่วงเวลาในอดีต นอกจากนี้ยังมีสถานที่ของตัวเองเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมในมาเลเซีย   

5.เประ – จานที่เต็มไปด้วยการผจญภัย   ตั้งอยู่ห่างจากกัวลาลัมเปอร์เพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง นักท่องเที่ยวแบบผจญภัยจะได้สัมผัสกับความตื่นเต้นของการล่องแก่งในเประ จัดขึ้นในแม่น้ำ อูลู สลิม ซึ่งเหมาะสำหรับกิจกรรมล่องแพระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ขึ้นไป สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในมาเลเซียแห่งนี้มีจำหน่ายอุปกรณ์ชั้นยอดสำหรับล่องแพ

 

สนับสนุนโดย    หวยดี

เที่ยวจังหวัด สมุทรสาคร ท่องเที่ยวและทำกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจ

 

  เป็นจังหวัดผลิตเกลือชั้นนำ  สมุทรสาครอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียงขับรถไม่นาน ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำท่าจีนและเป็นที่ตั้งของศูนย์กระจายพันธุ์ปลาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

สมุทรสาครหรือที่คนท้องถิ่นรู้จักกันในชื่อมหาชัย เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการในอาณาจักรอยุธยา และจนถึงทุกวันนี้ยังคงเป็นสถานที่ที่ยังคงอิทธิพลของกรุงศรีอยุธยาไว้ ค้นหาสิ่งที่สมุทรสาครนำเสนอและวางแผนการเดินทางครั้งต่อไปของคุณวันนี้    huaydee

1.ขุดหอยมีดโกนที่ดอนหอยหลอด

เป็นสถานที่รับประทานอาหารกลางวันยอดนิยมในหมู่คนท้องถิ่นสำหรับอาหารทะเลสดใหม่ริมทะเลสาบ ในช่วงน้ำลง นักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่สามารถล่าหอยและอาหารทะเลสดอื่นๆ ในโคลนได้ นอกจากนี้ยังมีแผงขายอาหารมากมายในบริเวณนี้ที่ขายของว่างแห้ง เช่น ปลาหมึกและปลาแอนโชวี่    

2.เป็นหนึ่งในตลาดอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

และเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าปลาที่ใหญ่ที่สุดที่รองรับประชากรจำนวนมากในกรุงเทพฯ ตลาดยังเป็นตลาดที่เติบโตจากสถานีรถไฟอีกด้วย ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงสามารถเห็นขบวนรถไฟเข้ามาในตลาดได้ มีบ้านชื่อดังที่กลายมาเป็นร้านอาหารท้องถิ่นชื่อร้านรานอาฮันปี้ที่คนรักอาหารทะเลต้องไม่พลาด! ทางร้านมีเมนูที่ต้องลอง เช่น ข้าวผัดปู และอาหารทะเลไข่เค็ม    

3.เยี่ยมชมศาลหลักเมืองและชมขบวนแห่ 

เป็นที่ดึงดูดใจชาวประมงทุกคนและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยชาวประมงจะจุดเทียนเล็กๆ ก่อนออกเรือเพื่อขอพรให้ปลอดภัยในทะเล ทุกปีคนในท้องถิ่นจะเฉลิมฉลองขบวนแห่ศาลหลักเมืองเพื่อเป็นเกียรติแก่จิตวิญญาณผู้พิทักษ์เมือง ในระหว่างขบวนแห่ นักท่องเที่ยวสามารถคาดหวังว่าจะได้รับบะหมี่ผัดน้ำหนัก 2,000 กิโลกรัมเพื่อแบ่งปันและการแสดงต่างๆ เช่น ดนตรีพื้นบ้าน วันแห่ประจำปีจะเปลี่ยนแปลงไปตามปฏิทินทางพุทธศาสนา ดังนั้นควรตรวจสอบบนเว็บไซต์การท่องเที่ยวของประเทศไทย   

4.แวะพักที่ปอร์โต้ ชิโน่ 

  หากคุณพร้อมที่จะเดินทางต่อจากสมุทรสาครและกำลังจะไปหัวหินหรืออยากทานอาหารง่ายๆ ปอร์โต้ ชิโน่ คือคำตอบของคุณอย่างแน่นอน อาจไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย แต่ได้สอดแทรกความทันสมัยและความหลากหลายเข้าไปในประสบการณ์ดั้งเดิมของสมุทรสาคร คุณสามารถหาคาเฟ่สุดฮิป อาหารเกาหลี ญี่ปุ่น และแม้แต่สตาร์บัคส์ได้ที่นี่   นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองสงกรานต์เล็กๆ และมีตลาดกลางคืนเป็นครั้งคราวหากคุณโชคดีพอที่จะจับได้

5.เยี่ยมชมพระราชวังสมเด็จพระนารายณ์  

พิพิธภัณฑ์ลพบุรีเป็นที่ซึ่งซากพระราชวังสมเด็จพระนารายณ์ประทับอยู่ในปัจจุบัน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2220 ในสมัยอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา และถูกทิ้งร้างไม่นานหลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2231 ภายหลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชวังแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส โดยมีองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมทั้งแบบไทยและแบบยุโรป พิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงนิทรรศการศิลปวัตถุไทยสมัยก่อนประวัติศาสตร์อีกด้วย

6.บ่อระเหยเกลือ    หรือเรียกอีกอย่าง นาเกลือ 

  เนื่องจากแหล่งผลิตหลักในสมุทรสาครคือเกลือ จึงไม่ยากที่จะพลาดทุ่งเกลืออย่างแน่นอน มีแหล่งผลิตเกลือหลายแห่งตามทางหลวงที่เชื่อมระหว่างสมุทรสาครและสมุทรสงคราม นักท่องเที่ยวสามารถแวะตามทางหลวงเพื่อดูเกษตรกรทำงานหนักในการห่อและตากเกลือ

ประเทศไทยเป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศไทยเป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประเทศที่ทำให้เกิดประสาทสัมผัสมากเกินไปอย่างแน่นอน และยังเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าถึงได้ง่ายและใช้งานง่ายที่สุดในทวีปเอเชีย    แนะนำสถานที่ต่อไปนี้ 

1.พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ  

แม้ว่าแผนของคุณสำหรับประเทศไทยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการสนุกสนานบนชายหาดและรับประทานแกงมัสมั่นและผัดไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คุณอาจจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองวันในกรุงเทพฯ สนับสนุนให้ที่นี่เป็นเมืองหลวงที่น่าหลงใหลและน่าตื่นเต้นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  

มีหลายสิ่งให้ดูและทำในกรุงเทพ แต่พระบรมมหาราชวังควรจะอยู่ในอันดับต้นๆ ของคุณอย่างแน่นอน นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในเมือง และมีความโดดเด่นทั้งในด้านความสำคัญทางประวัติศาสตร์และงานฝีมือ

    บริเวณนี้เป็นเขาวงกตของห้องโถงใหญ่ วัด และโบราณวัตถุ ที่สำคัญที่สุดคือวัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) ว่ากันว่าเก็บเศษเส้นผมหรือกระดูกจากพระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เอง    เผื่อเวลาไว้สักสองสามชั่วโมงเพื่อชมพระบรมมหาราชวัง แต่ถ้าคุณต้องการเดินเพิ่มเติมในภายหลัง

คุณสามารถเที่ยวชมสถานที่สำคัญอื่นๆ ของเมืองในบริเวณใกล้เคียงได้อย่างง่ายดาย วัดโพธิ์และวัดอรุณอันโด่งดัง วัดรุ่งอรุณ (สถานที่ที่เหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกดิน)

อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นาที    วัดอรุณเป็นวัดโปรดของฉันในกรุงเทพและฉันแน่ใจว่าจะแวะมาทุกครั้งที่ไป หากคุณต้องการชมวิววัดอรุณสวยๆ (และทานอาหารมื้ออร่อยด้วย) ให้มุ่งหน้าไปที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมริวา อรุณ กรุงเทพฯ ร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าแห่งนี้มีทิวทัศน์ที่สมบูรณ์แบบของวัดและเมนูอาหารไทยแสนอร่อย  

2.ถนนคนเดินวันอาทิตย์ เชียงใหม่  

ทุกคนต่างตั้งตารอคอยอาหารราคาถูกและอร่อย และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาสามารถพบเห็นได้มากมายที่ถนนคนเดินคืนวันอาทิตย์ในเชียงใหม่ พ่อค้าแม่ค้าขายขนมทุกประเภทที่นี่ ตั้งแต่ผัดไทยยอดนิยม ไก่สะเต๊ะ ซาโมซ่า กล้วยทอด โรตีหวาน และผลไม้ปั่นสด

  เมื่อคุณสนองความอยากทำอาหารของคุณแล้ว คุณสามารถเดินสำรวจแผงขายของหลายร้อยแผงที่จำหน่ายสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น สบู่จากธรรมชาติ สิ่งทอย้อมมือที่มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวเขาในท้องถิ่น ธูป น้ำมันหอมระเหย เครื่องดนตรี ภาพวาด ภาพแขวนผนัง และอื่นๆ อีกมากมาย  

ตลาดจะคับคั่งไปด้วยผู้คนทุกสัปดาห์ไม่ว่าคุณจะมาเยี่ยมชมในช่วงใดของปี ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมและพยายามสนุกไปกับการเป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวายที่สนุกสนาน นี่คือหนึ่งในสิ่งที่ต้องทำในเชียงใหม่ และเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์ประเทศไทย 

  หากคุณไม่ได้ไปตลาดนัดวันอาทิตย์หรือเพียงต้องการสัมผัสประสบการณ์ตลาดอื่นๆ ในเชียงใหม่ ลองแวะไปที่ถนนคนเดินคืนวันเสาร์หรือไนท์บาซาร์บนถนนช้างคลาน ซึ่งเป็นงานประจำวัน หากต้องการอะไรที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ให้มุ่งหน้าไปที่ตลาดวโรรสช่วงกลางวันใกล้กับแม่น้ำปิง

 

สนับสนุนโดย      เว็บหวยดี