พาไปเที่ยวที่ หาดปึกเตียน จังหวัดเพชรบุรี 

           สำหรับจังหวัดเพชรบุรีนั้นเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่บางส่วนติดกับทะเล หาดปึกเตียน ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดทะเลเช่นชายหาดชะอำหรือแม้แต่ชายหาดเจ้าสำราญซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากคนไทยนิยมพาบุตรหลานหรือคนในครอบครัวรวมถึงเพื่อนฝูงนัดหมายกันไปเที่ยวในวันหยุดประจำสัปดาห์หรือแม้แต่วันหยุดยาวก็ตาม

            อย่างไรก็ตามสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเพชรบุรีที่เราจะพาไปรู้จักในครั้งนี้นั้นเป็นชายหาดอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีที่ได้รับความนิยมไม่แตกต่างจากที่ชะอำและหาดเจ้าสำราญเลยนั่นก็คือหาดปึกเตียนนั่นเองสำหรับหาดปึกเตียนนี้อยู่บริเวณกึ่งกลางระหว่างชายหาดชะอำกับชายหาดเจ้าสำราญซึ่งหาดปึกเตียนนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความร่มรื่นบริเวณริมชายหาดนั้นมีแนวต้นไม้ทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่

 

ที่นี่จะมมีการปลูกต้นไม้ไว้เพื่อให้ร่มเงาแก่นักท่องเที่ยวที่มานั่งเล่นบริเวณริมชายหาด

ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมานั่งริมชายหาดได้ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันก็ตามโดยที่อากาศยังคงร่มรื่นร่มเย็นที่สำคัญชายหาดปึกเตียนนั้นเป็นชายหาดที่ค่อนข้างเงียบสงบ  ผู้ขนไม่ค่อยพลุกพล่าน หากเปรียบเทียบกับชายหาดชะอำและชายหาดเจ้าสำราญแล้วนั่นเอง

        สิ่งที่เราสามารถทราบได้ว่าบริเวณนี้คือชาย หาดปึกเตียน นั้นก็คือรูปปั้นของนางผีเสื้อสมุทรและพระอภัยมณีซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชายหาดปึกเตียนนั่นเองถึงแม้ชายหาดแห่งนี้จะเป็นชายหาดที่มีความกว้างไม่เยอะมากนักแต่ก็สามารถที่จะมานั่งรับลมเย็นของทะเลรวมถึงมานั่งมองพระอาทิตย์ตกดินและที่สำคัญสามารถลงเล่นน้ำตรงบริเวณชายหาดแห่งนี้ได้ด้วยซึ่งน้ำที่นี่นั้นจะเป็นน้ำที่สะอาดและไม่มีเศษขยะมาให้รกหูรกตาเลย

 

 

รูปปั้นของผีเสื้อสมุทรและพระอภัยมณี

นั้นจะมีการปั้นเอาไว้อยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยโดยจะถูกปั้นแล้วนำไปวางบนเนินซึ่งอยู่บริเวณเกาะกลางทะเลโดยระยะทางไม่ไกลจากบริเวณริมชายหาดมากนักเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาเช็คอินและมาถ่ายรูปกับรูปปั้นของนางผีเสื้อสมุทรกับพระอภัยมณีซึ่งเป็นตัวละครในวรรณคดีของไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก 

        บริเวณริมชายหาดปึกเตียนนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมายเต็มไปหมดซึ่งแต่ละร้านก็จะมีการนำเสนออาหารรสชาติที่แปลกแตกต่างกันออกไปมีทั้งร้านขายของที่ระลึกและร้านขายอาหารและเครื่องดื่มนอกจากนี้ถ้าหากใครอยากจะพักผ่อนหย่อนใจด้วยการค้างคืนก็จะมีบริการห้องพักคอยให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยเช่นเดียวกัน

          สำหรับชายหาดปึกเตียนนี้เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ตลอดโดยขับรถมาทางถนนเพชรเกษมเมื่อมาถึงสี่แยกคลองชลประทานสาย 2 ให้เลี้ยวซ้ายขับรถเข้ามาเพียงแค่ 15 กิโลเมตรก็จะถึงชายหาดปึกเตียนแล้ว 

 

สนับสนุนโดย  Ufabet เข้าสู่ระบบ

พาเที่ยวเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

       เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักประเทศอิตาลีกันเป็นอย่างดีและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ว่ากันว่าเป็นเมืองที่มีความโรแมนติก พาเที่ยวเมืองเวนิส และน่าเดินทางไปเที่ยวซึ่งถ้าหากใครมีโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องอยากจะเดินทางไปเที่ยวที่แห่งนี้นั่นก็คือเมืองเวนิสนั่นเอง

     อย่างไรก็ตามเรารู้กันดีว่าในขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกและเมืองเวนิสนั้นก็ล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเล เมืองเวนิสนั้นใกล้จะเป็นเมืองที่จะล่มสลายหายไปเพราะน้ำกำลังจะท่วมแล้วแต่ก็ยังสามารถที่จะเดินทางไปเที่ยวได้ในช่วงนี้แต่คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะไม่มีเวลานี้อยู่ในประเทศอิตาลีเลยก็ได้ดังนั้นถ้าหากในช่วงนี้ใครพอที่จะมีเวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศและมีเงินมากพอที่จะเดินทางไปเที่ยวที่ต่างประเทศแนะนำว่าให้ลองไปเที่ยวที่เมืองเวนิสสักครั้งหนึ่งซึ่งมันจะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากและที่สำคัญมันสามารถเป็นความทรงจำที่ดีก่อนที่เมืองเวนิสจะไม่มีในโลกนี้อีกต่อไปนั่นเอง

            เมืองเวนิสนั้นเป็นเมืองที่มีความงดงามและมีความแตกต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆจากในโลกเนื่องจากว่าเมืองเวนิสนั้นมีการก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองที่สำคัญความสวยงามของเมืองเวนิสนั้นได้รับสมญานามว่าเป็นราชินีแห่ง ทะเลอาเดรียติก  หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นเมืองแห่งสายน้ำ เลยก็ว่าได้ 

         พาเที่ยวเมืองเวนิส  สาเหตุที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ตั้งสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำนั่นก็เพราะว่าเมืองเวนิสนั้นใช้วิธีการเดินทางส่วนใหญ่แล้วผ่านทางคลองมากกว่าการใช้ถนนหรือใช้รถนั่นเองเนื่องจากว่าถ้าหากไปดูพื้นที่ภายในเมืองเวนิสจะเห็นได้ว่ามีคลองมากมายเต็มไปหมดซึ่งนับได้เป็นจำนวนสูงเกินกว่า 150 คลองเลยทีเดียว

     ซึ่งคลองแต่ละคลองนั้นก็จะมีการเชื่อมต่อระหว่างกันและสามารถที่จะเดินทางผ่านทางคลองได้อย่างรวดเร็วนอกจากนี้สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวที่เมืองเวนิสนั่นก็คือการล่องเรือกอนโดล่า  ซึ่งโดยปกติแล้วคู่รักมักจะพากันไปนั่งเรือกอนโดล่าพร้อมกับชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองเวนิสในขณะที่จะมีเพลงบรรเลงอยู่บนเรือกอนโดล่าให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินอีกด้วยและการที่นั่งเรือกอนโดล่าไปขณะที่ฟังเพลงชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเวนิสไฟก็คือสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของเมืองแห่งนี้นั่นเองนอก

       จากนี้ในขณะที่คุณมองวิวทิวทัศน์ของเมืองเวนิสนั้นคุณก็จะเห็นว่าที่นี่นั้นทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืนเป็นสถานที่ที่มีความงดงามเป็นอย่างมากในช่วงเวลากลางคืนที่นี่จะเป็นเมืองแห่งเสียงดนตรีในขณะที่ช่วงเวลากลางวันก็จะเต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมมากมายดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของผลงานด้านศิลปะจึงมักจะเดินทางมาเที่ยวที่เมืองเวนิสเพราะสามารถที่จะศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของประเทศอิตาลีและยังสามารถศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการค้าการขายการเดินเรือขอ ที่มีความเจริญก้าวหน้ามานับพันปีได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย.  sexybaccarat

เมืองเวนิส  ประเทศอิตาลี  เมืองที่ควรไปเที่ยวก่อนที่จะหายไปจากโลก 

         หากพูดถึงประเทศอิตาลีเชื่อว่าหลายคนย่อมรู้จักเมืองหลวงของประเทศนี้กันเป็นอย่างดี  เมืองเวนิส  ประเทศอิตาลี เนื่องจากว่าเป็นเมืองที่ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองที่มีความสวยงามและความโรแมนติกเป็นอย่างมากหลายคนที่เดินทางไปเที่ยวอิตาลีก็จะหาโอกาสแวะไปเที่ยวที่เมืองเวนิสโดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของ venice และสร้างชื่อเสียงระดับโลกให้กับเมืองเวนิสซึ่งก็คือการล่องแม่น้ำสายสำคัญของเมืองเวนิสโดยจะมีนักดนตรีคอยขับกล่อมเพลงระหว่างที่คุณนั่งชมแม่น้ำรอบเมืองเวนิสนั่นเองซึ่งมีการมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิซที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี

         อย่างไรก็ตามอย่างที่รู้กันว่าประเทศอิตาลีนั้นเป็นประเทศซึ่งมีเกาะขนาดเล็กหลายๆเกาะรวมกันและเมืองเวนิสก็เป็นเมือง 1 ของประเทศอิตาลีที่เป็นเกาะ  บนเกาะของเมืองเวนิสนั้นจะเต็มไปด้วยคลองซึ่งมีทั้งคลองขนาดเล็กและคลองขนาดใหญ่มากมายเต็มไปหมดดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้าหากคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมือง  venice จะเห็นสะพานมากมายเต็มไปหมดบนเมืองเวนิสแห่งนี้เพราะสะพานนั้นจะใช้สำหรับในการสัญจรข้ามไปมาระหว่างคลองและแม่น้ำ  ทำให้ที่เมืองเวนิสได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำและเมืองแห่งสะพาน

       เมืองเวนิส  ประเทศอิตาลี การเดินทางภายในเมืองเวนิสนั้นส่วนใหญ่จะเน้นการเดินทางผ่านทางน้ำเนื่องจากว่ามีคลองเยอะและเชื่อมต่อถึงกันดังนั้นการคมนาคมส่วนใหญ่จึงใช้เรือในการเดินทางหรือบางคนก็ถนัดในเรื่องของการเดินทางเท้าซึ่งเมืองเวนิสจะไม่ค่อยมีรถวิ่งมากนักอย่างไรก็ตามเราคงได้ยินข่าวกันมาบ้างแล้วว่าในขณะนี้ในบางปีเมืองเวนิสจะมีปัญหาเรื่องของน้ำขึ้นซึ่งเกิดจากน้ำทะเลนั้นหนุนทำให้เมืองเวนิสนั้นมีน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง    

        สถานการณ์ของประเทศอิตาลี นั้นก็ไม่ค่อยดีมากนักเพราะว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเกาะต่างๆใน ประเทศนั้นมีสถานการณ์เรื่องของน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองเวนิสซึ่งเรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องของการเกิดอุทกภัยบ่อยๆโดยสถานการณ์ของการเกิดน้ำท่วมในเมืองเวนิสนั้นเริ่มมาตั้งแต่ช่วงประมาณปีค.ศ 1900    ซึ่งในตอนนั้นจะเห็นได้ว่ามีน้ำท่วมแถวบริเวณ เซนท์มาร์กสแควร์ เกือบสิบครั้งเลยทีเดียว

         อย่างไรก็ตามปัญหาน้ำท่วมนั้นเกิดขึ้นทุกปีและเกิดขึ้นเรื่อยๆมากขึ้นกว่าเดิมซึ่งช่วงประมาณปีค.ศ 1980 มีน้ำท่วมบริเวณจุดเดิมถึงสีสิบครั้งและพอมาถึงช่วงประมาณปีพ. ศ. 2000 อีกมากกว่า หกสิบ ครั้งดังนั้นจึงทำให้มีการคาดการณ์เอาไว้ว่าในอนาคตอีกไม่ไกลนี้เราอาจจะไม่ได้มีเมืองเวนิสเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวในโลกนี้อีกแล้วเพราะอาจจะถูกน้ำท่วมแบบถาวรซึ่งการคาดการณ์นี้เชื่อว่าไม่ถึงร้อยปีเมืองเวนิสต้องจมอยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน 

 

สนับสนุนโดย.    gclub ฝากขั้นต่ำ 20

เที่ยวเมืองมงส์ ประเทศเบลเยียม

         สำหรับการท่องเที่ยวที่เราจะพาไป เที่ยวเมืองมงส์ ในครั้งนี้ยังคงเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเบลเยี่ยมและสถานที่ท่องเที่ยวที่เราอยากจะพาไปรู้จักนี้จะเป็นแค่เมืองเล็กๆเท่านั้นแต่บอกได้เลยว่าถึงจะเป็นแค่เมืองเล็กๆนั้นแต่ก็มีความสำคัญกับประเทศเบลเยี่ยมเช่นเดียวกันและที่สำคัญนั้นสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนี้ก็มีเยอะไม่แพ้กับเมืองใหญ่ๆของประเทศเบลเยี่ยมกันเลยทีเดียวโดยเหมือนที่เราจะพาไปเที่ยวกันนี้มีชื่อเรียกว่า  เมืองมงส์ 

         เมืองแห่งนี้นั้นเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะและวัฒนธรรม  ซึ่งเมืองนี้ได้มีการถูกคัดเลือกให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมของยุโรปเลยทีเดียวประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองแห่งนี้นั้นมีอยู่ประมาณ หนึ่งแสนคนเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้มีแนวโน้มว่าประชากรจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากการที่รัฐบาลนั้นมีการรณรงค์ให้ประชาชนนั้นมีลูกกันมากขึ้น           

       อย่างไรก็ตาม เมืองมงส์ อาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในวงการของนักท่องเที่ยวกันมากนัก  แต่ถ้าหากใครที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะวัฒนธรรมจะรู้จักเมืองนี้กันเป็นอย่างดีเพราะที่นี่จะมีการโปรโมทชื่อเสียงของเมืองไปในลักษณะของเมืองแห่งวัฒนธรรมและศิลปะนั่นเองอย่างไรก็ตามถ้ามีโอกาสได้เดินทางมาเที่ยวที่เมืองมงส์ แล้วล่ะก็  สถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนั้นไม่ควรพลาดที่จะไปเลยก็คือ ที่ Belfry of Mons นั่นเองบอกเลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ฮิตมากมาก

         สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา เที่ยวเมืองมงส์ เมืองนี้ซึ่งลักษณะของ Belfry of Mons นั้นจะมีลักษณะคล้ายกับหอระฆังทรงสี่เหลี่ยมซึ่งมีความสูงมาถึง 87 เมตรด้วยกันด้านนอกของตัวหอระฆังแห่งนี้นั้นจะมีการแขวนระฆังเอาไว้ซึ่งนับจำนวนได้ประมาณ 49 ใบในขณะที่ด้านในของหอระฆังแห่งนี้นั้นจะมีการทำเป็นบันไดวนเชื่อมต่อกันเป็นชั้นๆไปจนถึงบนยอดหอคอยซึ่งแต่ละฝังผนังของหอระฆังแห่งนี้จะใช้อิฐในการก่อสร้างต่อกันเป็นชั้นๆจนเป็นยอดสูงซึ่งมีการใช้ it รวมกันทั้งหมดเกือบ 5 แสนก็เลยทีเดียว

          ศิลปะที่ใช้ในการก่อสร้างหอระฆังแห่งนี้นั้นจะมีการออกแบบในรูปแบบของสไตล์บาโรกซึ่งเป็นสไตล์เก่าแก่ในสมัยโบราณและสถานที่แห่งนี้นั้นเป็นสถานที่แห่งเดียวในเมืองมงส์  ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกนั่นเองแน่นอนว่าด้วยความเก่าแก่ของหอระฆังแห่งนี้ทางด้านยูเนสโกจึงได้มีการยกย่องที่นี่ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกเลยทีเดียวซึ่งถ้าหากนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ต้องไม่พลาดที่จะแวะมาถ่ายรูปและเดินขึ้นไปบนยอดสูงสุดของหอระฆังเพื่อชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองมงส์ นะคะ รับรองว่าคุณจะเจอวิวที่งดงามอย่างแน่นอน    

 

 

สนับสนุนโดย.    Ufabet เข้าสู่ระบบ

พาเที่ยว จตุรัสมาเรียน พลัทซ์  ประเทศเยอรมัน 

ที่ประเทศเยอรมันมี Landmark ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองของประเทศ อัตราได้ว่าอยู่ใจกลางเมืองมิวนิคเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางจากต่างประเทศเข้าไปจะต้องไปทำการเช็คอินที่นี่เพราะที่นี่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมากโดยที่นี่เรียกว่าจัตุรัสมาเรียนพลัสหรือคนที่เยอรมันรีรู้จักกันดีในนามของจัตุรัสมารีนั่นเอง 

        ลักษณะของจัตุรัสแห่งนี้นั้นจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมซึ่งแต่เดิมที่นี่ถูกเรียกว่าตลาดสี่เหลี่ยมหลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยมีการตั้งชื่อใหม่ว่า New Town Hall   แน่นอนว่าที่นี่นั้นเป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และยังทรงคุณค่าโดยที่นี่มีทั้งศาลากลางเก่านอกจากนี้ยังมีซุ้มประตูที่มีความงดงามมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองและยังมีหอคอยสูงเด่นเป็นสง่า คล้ายกับปราสาทในเทพนิยายเลยทีเดียว

      ลักษณะของนิวทาวน์แห่งนี้หรือศาลากลางแห่งนี้นั้นจะมีการสร้างเป็นรูปปั้นซึ่งเป็นเสาสูงลักษณะของรูปปั้นนั้นจะเป็นรูปของพระแม่มารีสีทองซึ่งอยู่ด้านบนสุดของเสานอกจากนี้ด้านล่างยังมีเป็นรูปปั้นของอัศวินที่กำลังต่อสู้กับเหล่าปีศาจหมู่และที่บริเวณนี้มีการสร้างน้ำพุ Blood เอาไว้อีกด้วยนอกจากนี้ที่นี่ยังมี หอคอย  ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกที่ชื่อว่าหอคอย   Glockenspiel  

      ที่จัตุรัสมาเรียน พลัทซ์แห่งนี้นั้นจะมีสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวนั้นแวะไปเที่ยวได้เยอะแยะเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากมากับเด็กๆแล้วเราก็จะต้องชื่นชอบอย่างมากเลยทีเดียว    นอกจากนี้ไม่ไกลจากที่นี่มากนักก็มีโบสถ์ซึ่งเป็นโบสถ์ ที่มีความสวยงามโดยโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากกระเบื้องโมเสดทั้งหมดจึงให้ความสวยงามระยิบระยับแปลกตาดีทีเดียว

       ในขณะเดียวกันบริเวณพื้นที่ตรงกลางของจัตุรัสมาเรียน พลัทซ์แห่งนี้ในช่วงฤดูร้อนจะมีการจัดการแสดงโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันนั่นก็คือการจัดระบำตุ๊กตา  ซึ่งหากนักท่องเที่ยวคนไหนอยากจะชมจะมีเปิดให้ชมการแสดงอยู่ทั้งหมด 2 ช่วงด้วยกันโดยจะแสดงช่วงเวลาประมาณ 11:00 น   -12.00 น.  ส่วนอีกช่วงนึงนั้นก็จะเป็นการจัดแสดงตั้งแต่เวลา 17:00 น เป็นต้นไป  

          อย่างไรก็ตามสำหรับการแสดงระบำตุ๊กตานั้นจะงดการจัดแสดงในช่วงฤดูหนาวก็คือช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากว่าอากาศค่อนข้างเย็นโดยในช่วงนี้จะมีการจัดแสดงแค่เฉพาะช่วงเวลา 11:00 น ถึง 12:00 น เท่านั้นแต่ช่วงเวลา 17:00 น จะมีงดการแสดงนั่นเอง 

   สำหรับที่บริเวณ จตุรัสมาเรียน พลัทซ์  แห่งนี้นั้นเชื่อว่านักท่องเที่ยวต้องใช้ระยะเวลาในการเดินเที่ยวเป็นวันวันเลยทีเดียวกว่าจะเที่ยวครบในเขตพื้นที่นี้ทั้งหมด

 

 

ขอบคุณผู้สนับสนุนเรื่องราวโดย.    ufabet เว็บแม่

รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา 

          เมืองหลวงของแคนาดาคือรัฐออนตาริโอ แต่ในขณะเดียวกัน  รัฐที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแคนาดา นั้นกับเป็นรัฐควิเบกซึ่งรัฐนี้มีความสวยงามมากเลยทีเดียว   สำหรับสมญานามของรัฐแห่งนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นยุโรปแห่งอเมริกาเหนือส่วนสาเหตุนั้นก็เพราะว่าที่นี่มีกลิ่นอายความเป็นยุโรปในยุคโบราณเป็นอย่างมากและมีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่มากมายภายในรัฐแห่งนี้

         ในอดีตกาลนั้นมีกลุ่มพ่อค้าชาวฝรั่งเศสและนักเดินเรือได้มีการเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ทำให้สถานที่แห่งนี้นั้นสิ่งก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นตัวอาคารบ้านเรือนหรือแม้แต่ร้านค้าจึงมีลักษณะของการปลูกสร้างเป็นศิลปะวัฒนธรรมคล้ายกับของประเทศฝรั่งเศสมากเลยทีเดียวหรืออาจจะกล่าวได้ว่าภายในรัฐควิเบกแห่งนี้มีความเป็นฝรั่งเศสมากที่สุดดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะไปเที่ยวที่ประเทศแคนาดาแต่คุณก็ยังได้รับกลิ่นอายของประเทศฝรั่งเศสได้ถ้าหากคุณเดินทางมาที่รัฐควิเบกแห่งนี้นั่นเอง 

         บรรยากาศภายในรัฐควิเบกต้องบอกว่าที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีคุณแทบจะเห็นภูเขากลายเป็นสีแดงสีส้มสลับเขียวเรียกได้ว่าเป็นเมืองในฝันหรือเมืองในเทพนิยายเลยก็ว่าได้อีกทั้งที่นี่ยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่อกล้อมทำให้บรรยากาศของรัฐควิเบกแห่งนี้นั้นมีความสวยงามเรียกได้ว่าสวยจนน่าสะพรึงเลยทีเดียว   โดยเฉพาะในช่วงที่ไปเมลเบิร์นเปลี่ยนสีเป็นสีแดงจะทำให้เมืองนี้มีสีสันที่สดใสเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

        ซึ่งแน่นอนว่าบรรยากาศภายในรัฐควิเบกนี้เหมาะอย่างยิ่งกับการมานั่งปิกนิกจิบกาแฟหรือจิบน้ำชายามบ่ายหรือแม้แต่เดินออกกำลังกายเล่นแบบชิวๆ   อย่างไรก็ตามใน รัฐควิเบก นี้ มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทำมากมายเช่นหากใครที่ชื่นชอบกิจกรรมแนวผจญภัยทั้งหลายแหล่คุณก็สามารถที่จะเล่นสกีได้ในช่วงฤดูหนาวหรือจะปีนเขาเดินป่าก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันในขณะเดียวกันถ้าใครชอบสำรวจก็สามารถที่จะสำรวจซากเรืออับปางที่อยู่ใต้น้ำหรือพายเรือและดำน้ำก็ได้

        นอกจากนี้บรรยากาศของรัฐควิเบกนั้นเป็นบรรยากาศค่อนข้างที่จะเงียบสงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติซึ่งแตกต่างกับรัฐออนตาริโออย่างชัดเจนเลยทีเดียวเพราะรัฐออนตาริโอนั้นเป็นเหมือนกับศูนย์รวมทางด้านเศรษฐกิจในขณะที่รัฐควิเบกนี้เป็นศูนย์รวมเกี่ยวกับธรรมชาติอย่างแท้จริงซึ่งวิวทิวทัศน์ส่วนใหญ่นั้นก็จะมีภูเขาอบรมรอบเต็มไปหมดทำให้บรรยากาศของที่นี่เป็นบรรยากาศแบบธรรมชาติดังนั้นหากนักท่องเที่ยวคนไหนชื่นชอบธรรมชาติและไม่ชอบแสงสีเสียงแนะนำว่ามาเที่ยวที่รัฐควิเบกรับรองคุณไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน 

 

สนับสนุนโดย    ติดต่อ ufabet

นิทรรศการ รักดอกไม้

           ที่มีนบุรี  ได้มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการรับดอกไม้ด้วยการจัดงานในครั้งนี้นั้นได้มีการตั้งชื่อของนิทรรศการนี้เอาไว้ว่า  กรุ่นกลิ่น หรือ  RakDok LaLagoon I Scent ซึ่ง เป็นสถานที่ทอ่งเที่ยวสำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูป และชอบดอกไม้  โดยจะมีการนำดอกไม้มาจัดเป็นสวนเนรมิตให้มีความสวยงามซึ่งเป็นการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับดอกไม้กลางแจ้งโดยจะมีการนำดอกไม้แต่ละชนิดมาจัดไม่ซ้ำกัน

         ซึ่งกิจกรรมนี้หรือนิทรรศการนี้นั้นจะมีการจัดขึ้นตลอดทั้งปีและถ้าหากนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวในช่วงฤดูที่แตกต่างกันก็จะเห็นว่าดอกไม้ในแต่ละช่วงฤดูนั้นก็จะมีความแตกต่างกันด้วยซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้ที่จัดงานนิทรรศการนี้จะมีการนำดอกไม้ตามฤดูกาล มาจัดเพื่อสร้างความสวยงามและความแปลกใหม่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนแนะนำว่าที่จังหวัดตากนอกจาก อากาศบริสุทธิ์แล้วยังมีนิทรรศการดอกไม้ให้คุณได้ไปถ่ายรูปสวยๆตามมุมต่างๆในงานนิทรรศการแห่งนี้ได้อีกด้วย 

         การจัดนิทรรศการรักดอกไม้นี้ทางผู้จัดงานไม่ได้มีการเพียงแค่เอาต้นไม้มาวางรวมกันให้เกิดความสวยงามอย่างเดียวเพียงเท่านั้นแต่ยังมีการสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับเป็นหมู่บ้านกลางป่าซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีความสวยงามของดอกไม้นานาชนิดขึ้นเต็มไปหมดที่สำคัญหมู่บ้านนี้จะมีการตั้งอยู่ตรงบริเวณริมทะเลสาบโดยอาศัยการตัดนิทรรศการแห่งนี้ใกล้กับบึงไมตรีจิตคลองสามวานั่นเอง

   ซึ่งภายในงานนั้นจะมีการแบ่งออกเป็นทั้งหมดด้วยกัน10  โซนหวยโดยแต่ละโซนนั้นจะมีการปรับแสงสีสันแตกต่างกันออกไปอย่างเช่นโซนซัมเมอร์ซึ่ง โซนนี้ นั้นจะมีการนำดอกไม้และต้นไม้สีขาวมาประดับให้บรรยากาศเหมือนกับว่าโซนนี้เป็นโซนของฤดูหนาวที่คุณจะต้องเจอกับหิมะที่ปกคลุมต้นไม้และดอกไม้เต็มไปหมดและยังมีการตกแต่งโซนนี้ ให้มีอากาศเย็นสบาย โดยโซนี้มีชื่อว่า warmest Snow 

      ส่วนโซนต่อมาคือ Peacefully Floating   สำหรับโซนนี้จะมีการตกแต่งโทนสีส้ม มีการวางโต๊ะและเก้าอี้สีขาวมาตั้งกลางดอกไม้ ทำให้ดูโรแมนติกมากมากเลยทีเดียว   โซนต่อมาคือ Flying Far สำหรับโซนนี้จะมีการนำดอกไม้มาห้อย โดยเน้นดอกไม้สีพาสเทล   บรรยากาศเหมือนนักทอ่งเที่ยวกำลังเดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มเมฆสีลูกกวาด โซนนี้จะมีการนำเก้าอี้สูงๆมาตั้งเอาไว้ เพื่อนักท่องเที่ยวจะได้ถ่ายรูปกับดอกไม้ที่ห้อยอยู่นั่นเอง

       ภายในงานยังมีโซนอื่นอื่นอีกเช่น  Mysterious sense , Hitting Cliff Wind  , Moring Mist , Midnight Dew , Cold and Warmth , Fresh Air และ In love เป็นต้น 

 

สนับสนุนโดย    UFABET เว็บตรง

พาเที่ยวทะเลสาบมรกตที่ ประเทศบราซิล

             ทะเลทราย สถานที่ที่แห้งแล้งที่สุด สถานที่ที่มีเพียงแค่ต้นกระบองเพชรที่โตได้ เหตุผลที่ทะเลทรายมีเพียงแค่ต้นกระบองเพชรก็เพราะทะเลทรายมีน้ำจำนวนที่น้อยมากมากจนไม่สามารถมีตัวอะไรใช้ชีวิตอยู่ได้ แต่ที่แปลกมากคือที่ประเทศบราซิลนั้นกลับมีทะเลทราบเกิดขึ้นที่ทะเลทรายสีขาว 

               หลังจากที่มีข่าวออกไปว่ามีทะเลทราบกลางทะเลทรายนั้นประเทศบราซิลก็กลายเป็นจุดสนใจของทั่วโลกทันทีหลังจากนั้นจากทะเลทรายที่แสนจะเงียบสงบก็มีคนมาท่องเทียวกันเต็มไปหมดหลังจากที่มีการค้นพบที่นี้นั้นส่วนหนึ่งของทะเลทรายก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานบราซิลเรากลับมาพูดถึงเรื่องทะเลทราบกันต่อดีกว่าค่ะ น้ำที่ทะเลทราบเรียกได้ว่าใสมากมากเลยทีเดียว น้ำที่นี้นั้นจะเป็นสีออกฟ้ามรกตดูแล้วน่าเล่นมาก

               โดยนอกจากน้ำที่นี้จะเย็นสบายมากแล้ววิวรอบข้างระหว่างเล่นน้ำก็สวยอีกด้วย อากาศร้อนๆของทะเลทราย+กับน้ำเย็นที่ทะเลทราบแถมยังวิวทรายสีขาวอีก อะไรจะสวรรค์ขนาดนี้!! โดยทรายสีขาวที่นี้นั้นถ้ามองแบบเผลอๆแล้วก็แลดูเหมือนกับหิมะเลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่อยากไปช่วงที่อากาศเย็นๆน้ำใสๆนั้นก็ต้องเลือกไปช่วงฤดูฝนหรือเดือน กรกฎาคมหรือกันยายน ช่วงเวลาที่พูดไปนี้จะเป็นช่วงเวลาที่น้ำจะใสมากที่สุด ใสอย่างกับเพชรเลยค่ะ! 

            ที่นี้นั้นถือเป็นสถานที่ติดอันดับ 10 สถานที่น่าเที่ยวในบราซิลเลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศบราซิลแล้วล่ะก็จะต้องลองไปเที่ยวที่นี้ให้ได้เลยนะคะ ไม่งั้นจะถือว่าพลาดอย่าแรงเลยทีเดียว โดยบางทีคนอาจจะเยอะหน่อยดังนั้นหากใครที่อยากมาตอนคนน้อยๆก็ต้องรีบไปตอนอุทยานพึ่งเปิดให้เข้าไม่นานเพราะช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงที่คนน้อยที่สุดนั้นเอง หากใครที่ไม่อยากเล่นน้ำที่นี้ก็มีอย่างอื่นให้เล่นอีกและอย่างอื่นที่เราพูดถึงนั้นก็คือการเล่น Sand board 

            โดยการเล่นนี้จะเป็นการน้ำ Sand boardมาวางไว้ตรงจุดสูงสุดแล้วไถลลงมาตามทางเป็นอีกหนึ่งเกมที่นิยมเล่นมากจากนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี้ มีวิธีในการเดินทางมาที่นี้นั้นก็คือเราต้องเช่ารถเพื่อนที่จะได้เดินทางไปยังอุทยานได้ โดยรถนี้นั้นจะมีรอบขับไปส่งแค่รอบเดียวต่อวันเท่านั้นโดยจะเปิดรับตอนช่วง สิบโมงจนถึงบ่ายสาม โดยค่าเช่ารถจะต้องจ่าย 60 BRL แปลงเป็นเงินไทยก็จะประมาณ 344.29 บาทค่ะ   สำหรับใครที่สนใจก็ต้องลองไปเที่ยวกันดูนะคะ

 

 

สนับสนุนโดย    ufabet เว็บหลัก

The Southern Ridges ทางเดินชมวิวลอยฟ้า ที่ประเทศสิงคโปร์ 

             ประเทศสิงคโปร์มีสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปชื่นชมความสวยงามโดยเข้าชมฟรีโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายซึ่งในวันนี้เราจะแนะนำให้ไปเที่ยวที่ทางเดินชมวิวลอยฟ้า  หรือ  The Southern Ridges ซึ่งที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเพลิดเพลินกับวิวสวยๆได้ทุกวันและสามารถไปได้ตลอดเวลาพร้อมไหว้เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงนั่นเอง

          โดยสะพานลอยฟ้าแห่งนี้นั้นจะมีความยาวถึง 9 กิโลเมตรเลยทีเดียวซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเลาะไปตามสะพานแล้วจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นวิวของป่าหรือแม้แต่วิวของภูเขาไฟเซเบอร์นอกจากนี้บนสะพานนั้นยังมีลวดลายให้คุณได้เพลิดเพลินเช่นบางส่วนของสะพานนั้นจะมีการทำเกลียวคลื่นเฮนเดอร์สัน  ดังนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการเที่ยวบนสะพานแห่งนี้สามารถถ่ายรูปวิวสวยๆซึ่งคุณสามารถมองออกไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียวที่นี่นับได้ว่าเป็นสะพานที่มีความสูงมากที่สุดของประเทศสิงคโปร์เลยก็ว่าได้และนักท่องเที่ยวต่างก็พากันเดินทางมาเที่ยวเพื่อที่จะได้มองวิวสวยๆซึ่งเป็นวิวธรรมชาติไปในประเทศสิงคโปร์แห่งนี้ 

        หากใครที่มาเดินบนสะพานแห่งนี้แล้วก็คุณจะมองเห็นป้ายสถานที่ที่มีการเชื่อมต่อกันไม่ว่าจะเป็นส่วนพวกเขาเปลี่ยนเบอร์หรือแม้แต่ส่วนเนินเขา เตโละ บลังกะ  และยังมีสวนดอกไม้สวยๆชื่อว่าสวนดอกไม้ ฮาร์ด   รวมถึงสวนอนุรักษ์ธรรมชาติลาบราดอร์และยังมีสวน เค้นท์ริดจ์  ซึ่งแน่นอนว่าส่วนต่างๆเหล่านี้จะมีธรรมชาติที่ให้นักท่องเที่ยวเดินและมีมุมให้ถ่ายรูปมากมายเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามในระหว่างที่คุณเดินผ่านทางส่วนต่างๆเหล่านี้ก็จะมีการแบ่งออกเป็นโซนต่างๆให้นักท่องเที่ยวนั้นได้เข้าไปเยี่ยมชม

            สำหรับที่  The Southern Ridges แห่งนี้นั้นถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์แห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้เนื่องจากว่าความสวยงามของวิวทิวทัศน์และความแปลกใหม่ของสะพานที่มีการสร้างออกมาที่ไม่เหมือนใครโดยสะพานนี้มีความสูงถึง 36 เมตรเลยทีเดียวซึ่งนักท่องเที่ยวนั้นสามารถที่จะเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ

             อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าตลอดระยะเวลาในการเดินทางบนสะพานแห่งนี้คุณจะเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและทางเจ้าหน้าที่ก็มีการดูแลนักท่องเที่ยวด้วยการนำร้านอาหารหรือร้านค้าไปขายตรงบริเวณจุดชมวิวต่างๆดังนั้นนอกจากคุณจะได้ชมวิวสวยๆบนสะพานนี้แล้วคุณยังได้ทานอาหารและมองวิวทิวทัศน์สวยๆไปด้วยและถ้าหากใครก็ตามเดินบันไดแล้วยายจะไปเที่ยวสวนสนุกเซนโตซ่าแล้วเราก็จะมีสถานีหนึ่งที่มีการเชื่อมต่อเอาไว้กับเกาะสวนสนุกเซ็นโตซ่าซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้าลอยฟ้าผ่านไปยังเกาะเพื่อไปเที่ยวสวนสนุกได้เลย 

 

 

สนับสนุนโดย    ติดต่อ ufabet

พาเที่ยวตลาดนัดรถไฟ

         สำหรับสถานที่ที่จะพาไปเที่ยวกันรอบนี้นั้น จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งของคนเมืองกรุง โดยสถานที่นั้นก็คือ   ตลาดนัดรถไฟ   ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านหลังของห้างเอสพลานาดถนนรัชดาภิเษกนั่นเอง 

          สำหรับตลาดนัดแห่งนี้นั้นเป็นแหล่งศูนย์รวมของการช้อปปิ้งแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้สำหรับใครที่อยากจะเดินทางมาเที่ยวมาซื้อของที่ตลาดนัดรถไฟแห่งนี้  ที่นี่จะเปิดให้บริการเฉพาะแค่วันอังคารถึงวันอาทิตย์เท่านั้น

           โดยจะปิดการให้บริการการขายในวันจันทร์และช่วงเวลาที่ตลาดนัดรถไฟเปิดให้บริการนั้นเป็นช่วงเวลาตอนกลางคืนเนื่องจากว่าที่นี่คือตลาดนัดกลางคืนนั่นเองโดยจะเปิดขายสินค้าตั้งแต่ช่วงเวลา 17:00 น เป็นต้นไปและจะปิดการขายช่วงเวลาของตี 1   แน่นอนว่าอย่างที่เรารู้กันดีว่าแถวถนนประชาชนอันนั้นเป็นถนนที่มีปัญหาการจราจรเป็นอย่างมากเพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนเส้นที่รถติดมากเส้นหนึ่งของกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้

             ดังนั้นถ้าหากใครอยากจะมาช้อปปิ้งที่ตลาดนัดรถไฟแห่งนี้แล้วเราก็ให้หลีกเลี่ยงการขับรถมาเองและใช้วิธีการนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาแทนโดยคุณสามารถที่จะเลือกขึ้นสถานีตรงบริเวณสถานีศูนย์วัฒนธรรมหลังจากนั้นให้คุณเดินออกจากประตูทางออกที่ 3 ขึ้นมาเจอกับตลาดนัดรถไฟของเราแล้วเต้นตลาดนัดแห่งนี้นั้นเป็นตลาดนัดที่เพิ่งสร้างขึ้นมาได้ไม่นาน

             แต่ก็มีของขายค่อนข้างเยอะแยะมากมายเป็นประโยชน์รวมถึงบรรยากาศของตลาดแห่งนี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นตลาดเก่าแก่โบราณเพราะว่าสินค้าที่นำมาขายนั้นจะมีสินค้าในยุค 90 หรือยุคโบราณนำมาขายเยอะแยะเต็มไปหมดเลยทีเดียวหากใครอยากจะซื้อของเก่าสามารถเดินทางมาซื้อของที่ตลาดนัดรถไฟแห่งนี้ได้เลย

              นอกจากจะมีของขายเยอะแยะเต็มไปหมดแล้วที่นี่ยังมีขนมและเครื่องดื่มอร่อยๆไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวหลังจากที่มีการช้อปปิ้งเป็นเหนื่อยแล้วนั่นเองและที่นี่ยังมีร้านให้นักท่องเที่ยวนั้นได้เป็นนั่งฟังเพลงชิวๆด้วยร้านค้าส่วนใหญ่นั้นจะมีการตกแต่งแนวสไตล์วินเทจรวมไปถึงถ้าหากใครอยากจะมาตัดผมที่ตลาดนัดรถไฟแห่งนี้สามารถเดินทางมาตัดผมได้

            เพราะที่นี่ก็มีร้านตัดผมที่เปิดเป็นแนวสไตล์วินเทจคอยบริการนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกันรวมมาถึงที่นี่ยังมีสินค้ามือสองนำมาวางขายมากมายเต็มไปหมดและยังมีการเปิดท้ายขายของอีกด้วยเรียกได้ว่ามีทุกสิ่งให้คุณเลือกสรรเลยก็ว่าได้  สำหรับการเดินทางหากไม่สะดวกอยากจะนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วคุณอาจจะขึ้นรถตู้มาลงที่ตลาดนัดแห่งนี้เลยก็ได้หรือจะนั่งรถเมล์ก็ได้เพราะว่ามีรถเมล์หลายสายวิ่งผ่านเช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย.  Gclub ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ