สุเหร่าเซนต์โซเฟีย  หรือวิหารเซนต์โซเฟียประเทศตุรกี

         เชื่อว่านักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศตุรกีหรือเคยศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับประเทศตุรกีคงได้ยินชื่อวิหารเซนต์โซเฟียกันมาบ้างพระวิหารนี้เป็นวิหารที่เก่าแก่  สุเหร่าเซนต์โซเฟีย และมีความศักดิ์สิทธิ์และที่สำคัญเป็นวิหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องของความสวยงามเป็นอย่างมาก  สำหรับวิหารแห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาอยู่ในเมืองกรุงอิสตันบูล 

      เป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำมือมนุษย์และมีการก่อสร้างเอาไว้อย่างสวยงามยิ่งใหญ่อลังการจนถึงขนาดว่าวิหารแห่งนี้ถูกจัดอันดับให้เป็นวิหารที่มีความสวยงามติด 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนอกจากนี้การจัดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ในยุคกลางก็ยังเป็นสถานที่ที่มีความสวยงามเป็นอันดับ 8 ของโลกอีกด้วย 

      สุเหร่าเซนต์โซเฟีย แห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาในสมัยของจักรวรรดิไบแซนไทน์โดยเป็นยุคการปกครองของจักรพรรดิจัสติเนียนนั่นเองว่ากันว่าวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงปี 532 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีกว่าแล้วเสร็จโดยวิหารแห่งนี้นั้นเป็นมหาวิหารที่มีความงดงามซึ่งหาวิหารฯที่มีความงดงามเทียบเท่านั้นได้ยากมากเลยทีเดียว

       ปัจจุบันเนื่องจากว่าวิหารแห่งนี้มีความเก่าแก่มากแล้วจึงได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้งนอกจากนี้ยังมีการต่อเติมให้ดูยิ่งใหญ่อลังการและงดงามมากขึ้นไปอีกมีการก่อสร้างโบสถ์สวยๆมากมายเต็มไปหมดในช่วงประมาณปี  563 ช่วงดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่มีการเกิดแผ่นดินไหวและส่งผลทำให้ยอดโดมของวิหารแห่งนี้หักโค่นลงมาจึงมีผลทำให้ต้องมีการบูรณะซ่อมแซม

    ยอดโดมของวิหารเหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้นไม่ได้ทำให้เพียงแค่ยอดโดมหักพังทลายลงมาเท่านั้นแต่ทำให้วิหารเซนต์โซเฟียนั้นมีรอยร้าวเกิดขึ้นด้วยซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ก็ต้องเร่งดำเนินการปรับปรุงบูรณะซ่อมแซมในส่วนที่มีการแตกร้าวเพราะเกรงว่าวิหารเก่าแก่ที่มีความสวยงามนี้จะพังลงมานั่นเอง

        อย่างไรก็ตามสำหรับวิหารแห่งนี้นั้นตั้งอยู่ใกล้ๆกันกับสุเหร่าสีน้ำเงินซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจโดยถ้าหากว่านักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่วิหารเซนต์โซเฟียถ่ายรูปสวยๆเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะเดินทางข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อไปเยี่ยมชมความสวยงามของสุเหร่าสีน้ำเงินซึ่งมีลักษณะใหญ่โตโอ่โถและสวยงามไม่แตกต่างกับวิหารเซนต์โซเฟียเลย

 สำหรับวิหารเซนต์โซเฟียนั้นเป็นวิหารต้นแบบที่ภายหลังนั้นได้มีการก่อสร้างสุเหร่าแล้วเรียนแบบความสวยงามของวิหารแห่งนี้กันอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว สำหรับวิหารแห่งนี้ว่ากันว่าในครั้งแรกที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นเป็นการสร้างสำหรับให้เป็นโบสถ์ของคนที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นที่ประทับของรูปปั้นขององค์พระเยซู 

 

สนับสนุนโดย.  Ufabet เข้าสู่ระบบ

Merlion ที่ประเทศสิงคโปร์ 

          Merlion ที่ประเทศสิงคโปร์  คือประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความนิยมเดินทางไปเที่ยวกันเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าประเทศสิงคโปร์นั้นอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนักดังนั้นการนั่งเครื่องบินไปเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์จึงใช้ระยะเวลาเพียงแค่ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆก็สามารถไปเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ได้แล้วและที่สำคัญบริษัททัวร์ต่างๆก็มีการจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์

เอาไว้มากมายหลายโปรแกรมซึ่งการเดินทางไปเที่ยวกับบริษัททัวร์นั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ค่อนข้างสูงเท่าไหร่นักซึ่งคนที่มีฐานะปานกลางก็สามารถเดินทางที่ไปเที่ยวต่างประเทศได้ดังนั้นประเทศที่ได้รับความนิยมในการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีฐานะปานกลางหนึ่งในนั้นก็คือประเทศสิงคโปร์นั้นเอง.

       อย่างไรก็ตามสำหรับการเดินทางไปเที่ยว Merlion ที่ประเทศสิงคโปร์  นั้นในประเทศสิงคโปร์ถึงแม้ว่าประเทศสิงคโปร์จะเป็นเกาะเล็กๆมีอานาเขตพื้นที่ไม่ได้ใหญ่มากนะคะหากเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้วแต่เชื่อหรือไม่ว่าในประเทศสิงคโปร์นั้นมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายเต็มไปหมดที่น่าสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากใครเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์แล้วไม่ได้เช็คอินที่ Merlion ซึ่งถือว่าการท่องเที่ยวในครั้งนั้นคุณยังเดินทางไปไม่ถึงสิงคโปร์อย่างแน่นอน

       ถ้าหากผู้  Merlion เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินมากนักแต่ถ้าหากพูดว่าเป็นรูปปั้นสิงโตพ่นน้ำเชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะมันคือสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของประเทศสิงคโปร์เลยก็ว่าได้ไม่ว่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยหรือชาวต่างชาติประเทศอื่นเมื่อเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์จะต้องมีการมาเช็คอินที่ตรงบริเวณรูปปั้นสิงโตพ่นน้ำแห่งนี้

       สำหรับรูปปั้น Merlion ตั้งอยู่ตรงบริเวณทะเลอ่าวมารีนาซึ่งที่นี่คือจุดชมวิวที่น่าสนใจและบิลที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศสิงคโปร์เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเพื่อยืนยันว่าครั้งหนึ่งนั้นคุณเคยเดินทางมาเที่ยวที่สิงคโปร์นั่นเองนอกจากนี้ต้องบริเวณจุดนี้นั้นยังมีร้านค้าร้านอาหารต่างๆมากมายที่ให้นักท่องเที่ยวนั้นได้ช้อปปิ้งเพลินทั้งของกินของใช้

         ที่สำคัญถ้าหากมาบริเวณนี้ในช่วงเวลากลางคืนควรจะสามารถชมการแสดงแสงสีเสียงตรีซึ่งเป็นการแสดงแบบยิ่งใหญ่อลังการอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำซึ่งการแสดงนี้เรียกกันว่าวันเดอร์ฟูลไลฟ์โชว์  โดยการแสดงนี้ก็นับว่าเป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของการเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์เลยทีเดียว     

สำหรับรูปปั้น  Merlion   จะมีลักษณะเป็นหัวสิงโตส่วนลำตัวนั้นจะเป็นรูปปลา  โดยรูปปั้นนี้มีการสร้างมาตั้งแต่ในช่วงปีค.ศ 1972 ซึ่งในช่วงที่ปั้นเสร็จครั้งแรกนั้นถูกนำไปวางไว้ตรงบริเวณริมแม่น้ำสิงคโปร์แต่หลังจากนั้นก็มีการย้ายมาไว้ตรงริมอ่าวมารีน่าในช่วงประมาณปี 2002 นั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  ufabet ฝากถอน ไม่มีขั้นต่ำ ออโต้

Chocolate Ville จังหวัดกรุงเทพมหานคร

          สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะพาไปเที่ยวกันในครั้งนี้นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในโลกโซเชียล  Chocolate Ville อยู่ในตอนนี้เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นมีบรรยากาศที่เก๋ไก๋และมีการตกแต่งสถานที่ท่องเที่ยวแนวซาดิสยุโรปมีมุมต่างๆมากมายที่สวยงามและเหมาะกับการถ่ายรูปดังนั้นถ้าหากใครหรือนักท่องเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบการไปเที่ยวเพื่อทำการถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกแนะนำว่าถ้าไปเที่ยวที่นี่รับรองจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

      สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อยู่ในเขตกรุงเทพฯ Chocolate Ville โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปตรงบริเวณถนนประเสริฐมนูกิจซึ่งอยู่แถวรามคำแหงซึ่งในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติแต่จะมีการจำกัดช่วงเวลานักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปเที่ยวได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 15:00 น เป็นต้นไปและจะปิดให้บริการในช่วงเวลาประมาณ 21:00 น 

      แต่ถ้าหากช่วงไหนเป็นช่วงที่ รัฐบาลมีการประกาศล็อกดาวน์อาจจะมีการควบคุมช่วงเวลาในการไปเที่ยวให้สามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 19:00 น ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจจะต้องมีการเช็คกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ก่อนว่าจะปิดให้บริการกี่ทุ่ม เพื่อที่จะได้วางแผนการเดินทางและไม่เสียเที่ยวในการไปเที่ยวในครั้งนั้นนั่นเอง 

         สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ในครั้งนี้ก็คือหมู่บ้าน Chocolate Ville บอกได้เลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นกำลังเป็นที่นิยมมากโดยคนมาแชร์กันมากใน Social Media เพื่อแนะนำว่าใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูปให้ไปเที่ยวที่นี่ได้เลยเพราะคุณจะได้มุมดีๆมากมายเต็มไปหมดโดยที่นี่จะมีการสร้างเป็นเมืองจำลองเอาไว้ซึ่งมีการตกแต่งเอาไว้เป็นลักษณะของบรรยากาศต่างประเทศโดยสิ่งก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นอาคารตึกรามบ้านช่องต่างๆหรือสะพานจะมีการทาสีเป็นแบบสีพาสเทลซึ่งเวลาถ่ายรูปและสีสันออกมาสวยงามมาก

     เนื่องจากว่าเป็นการนำสีหวานๆมาตกแต่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้และยิ่งถ้าเกิดว่านักท่องเที่ยวคนไหนไปเที่ยวสถานที่แห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืนจะเห็นว่ามีการติดไฟเอาไว้มากมายเต็มไปหมดซึ่งแสงไฟนั้นจะทำให้บรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มีความโรแมนติกเพิ่มขึ้นมากไปอีกและเวลาถ่ายรูปก็จะสวยมากขึ้นไปอีกเช่นเดียวกันหลายคนจึงเลือกเดินทางมาทำการเช็คอินที่หมู่บ้านChocolate Ville แห่งนี้กัน 

       อย่างไรก็ตามในยุคที่ยังคงมีการระบาดหลายคนอาจจะกลัวเกี่ยวกับเรื่องของการไปเที่ยวแต่รับรองได้เลยว่าเมื่อคุณเดินทางมาเที่ยวที่หมู่บ้านChocolate Ville แห่งนี้ นักท่องเที่ยวจะปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัส covid แน่นอนเนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบเปิดมีลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลาเพราะอากาศถ่ายเทมเป็นลักษณะการเที่ยวแนว  outdoor เพราะฉะนั้นจะไม่แออัดและไม่มีคนหนาแน่นมากจนเกินไปที่สำคัญเจ้าของสถานที่ยังดูแลผู้ที่เข้าไปใช้บริการอย่างเข้มงวดโดยทุกคนจะต้องใส่หน้ากากอนามัยและมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าไปใช้บริการสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ด้วย 

 

สนับสนุนโดย.  Ufabet เข้าสู่ระบบ

พาไปเที่ยวที่ หาดปึกเตียน จังหวัดเพชรบุรี 

           สำหรับจังหวัดเพชรบุรีนั้นเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่บางส่วนติดกับทะเล หาดปึกเตียน ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดทะเลเช่นชายหาดชะอำหรือแม้แต่ชายหาดเจ้าสำราญซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากคนไทยนิยมพาบุตรหลานหรือคนในครอบครัวรวมถึงเพื่อนฝูงนัดหมายกันไปเที่ยวในวันหยุดประจำสัปดาห์หรือแม้แต่วันหยุดยาวก็ตาม

            อย่างไรก็ตามสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเพชรบุรีที่เราจะพาไปรู้จักในครั้งนี้นั้นเป็นชายหาดอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีที่ได้รับความนิยมไม่แตกต่างจากที่ชะอำและหาดเจ้าสำราญเลยนั่นก็คือหาดปึกเตียนนั่นเองสำหรับหาดปึกเตียนนี้อยู่บริเวณกึ่งกลางระหว่างชายหาดชะอำกับชายหาดเจ้าสำราญซึ่งหาดปึกเตียนนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความร่มรื่นบริเวณริมชายหาดนั้นมีแนวต้นไม้ทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่

 

ที่นี่จะมมีการปลูกต้นไม้ไว้เพื่อให้ร่มเงาแก่นักท่องเที่ยวที่มานั่งเล่นบริเวณริมชายหาด

ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมานั่งริมชายหาดได้ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันก็ตามโดยที่อากาศยังคงร่มรื่นร่มเย็นที่สำคัญชายหาดปึกเตียนนั้นเป็นชายหาดที่ค่อนข้างเงียบสงบ  ผู้ขนไม่ค่อยพลุกพล่าน หากเปรียบเทียบกับชายหาดชะอำและชายหาดเจ้าสำราญแล้วนั่นเอง

        สิ่งที่เราสามารถทราบได้ว่าบริเวณนี้คือชาย หาดปึกเตียน นั้นก็คือรูปปั้นของนางผีเสื้อสมุทรและพระอภัยมณีซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชายหาดปึกเตียนนั่นเองถึงแม้ชายหาดแห่งนี้จะเป็นชายหาดที่มีความกว้างไม่เยอะมากนักแต่ก็สามารถที่จะมานั่งรับลมเย็นของทะเลรวมถึงมานั่งมองพระอาทิตย์ตกดินและที่สำคัญสามารถลงเล่นน้ำตรงบริเวณชายหาดแห่งนี้ได้ด้วยซึ่งน้ำที่นี่นั้นจะเป็นน้ำที่สะอาดและไม่มีเศษขยะมาให้รกหูรกตาเลย

 

 

รูปปั้นของผีเสื้อสมุทรและพระอภัยมณี

นั้นจะมีการปั้นเอาไว้อยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยโดยจะถูกปั้นแล้วนำไปวางบนเนินซึ่งอยู่บริเวณเกาะกลางทะเลโดยระยะทางไม่ไกลจากบริเวณริมชายหาดมากนักเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาเช็คอินและมาถ่ายรูปกับรูปปั้นของนางผีเสื้อสมุทรกับพระอภัยมณีซึ่งเป็นตัวละครในวรรณคดีของไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก 

        บริเวณริมชายหาดปึกเตียนนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมายเต็มไปหมดซึ่งแต่ละร้านก็จะมีการนำเสนออาหารรสชาติที่แปลกแตกต่างกันออกไปมีทั้งร้านขายของที่ระลึกและร้านขายอาหารและเครื่องดื่มนอกจากนี้ถ้าหากใครอยากจะพักผ่อนหย่อนใจด้วยการค้างคืนก็จะมีบริการห้องพักคอยให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยเช่นเดียวกัน

          สำหรับชายหาดปึกเตียนนี้เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ตลอดโดยขับรถมาทางถนนเพชรเกษมเมื่อมาถึงสี่แยกคลองชลประทานสาย 2 ให้เลี้ยวซ้ายขับรถเข้ามาเพียงแค่ 15 กิโลเมตรก็จะถึงชายหาดปึกเตียนแล้ว 

 

สนับสนุนโดย  Ufabet เข้าสู่ระบบ

พาเที่ยวเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

       เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักประเทศอิตาลีกันเป็นอย่างดีและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ว่ากันว่าเป็นเมืองที่มีความโรแมนติก พาเที่ยวเมืองเวนิส และน่าเดินทางไปเที่ยวซึ่งถ้าหากใครมีโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องอยากจะเดินทางไปเที่ยวที่แห่งนี้นั่นก็คือเมืองเวนิสนั่นเอง

     อย่างไรก็ตามเรารู้กันดีว่าในขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกและเมืองเวนิสนั้นก็ล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเล เมืองเวนิสนั้นใกล้จะเป็นเมืองที่จะล่มสลายหายไปเพราะน้ำกำลังจะท่วมแล้วแต่ก็ยังสามารถที่จะเดินทางไปเที่ยวได้ในช่วงนี้แต่คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะไม่มีเวลานี้อยู่ในประเทศอิตาลีเลยก็ได้ดังนั้นถ้าหากในช่วงนี้ใครพอที่จะมีเวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศและมีเงินมากพอที่จะเดินทางไปเที่ยวที่ต่างประเทศแนะนำว่าให้ลองไปเที่ยวที่เมืองเวนิสสักครั้งหนึ่งซึ่งมันจะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากและที่สำคัญมันสามารถเป็นความทรงจำที่ดีก่อนที่เมืองเวนิสจะไม่มีในโลกนี้อีกต่อไปนั่นเอง

            เมืองเวนิสนั้นเป็นเมืองที่มีความงดงามและมีความแตกต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆจากในโลกเนื่องจากว่าเมืองเวนิสนั้นมีการก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองที่สำคัญความสวยงามของเมืองเวนิสนั้นได้รับสมญานามว่าเป็นราชินีแห่ง ทะเลอาเดรียติก  หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นเมืองแห่งสายน้ำ เลยก็ว่าได้ 

         พาเที่ยวเมืองเวนิส  สาเหตุที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ตั้งสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำนั่นก็เพราะว่าเมืองเวนิสนั้นใช้วิธีการเดินทางส่วนใหญ่แล้วผ่านทางคลองมากกว่าการใช้ถนนหรือใช้รถนั่นเองเนื่องจากว่าถ้าหากไปดูพื้นที่ภายในเมืองเวนิสจะเห็นได้ว่ามีคลองมากมายเต็มไปหมดซึ่งนับได้เป็นจำนวนสูงเกินกว่า 150 คลองเลยทีเดียว

     ซึ่งคลองแต่ละคลองนั้นก็จะมีการเชื่อมต่อระหว่างกันและสามารถที่จะเดินทางผ่านทางคลองได้อย่างรวดเร็วนอกจากนี้สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวที่เมืองเวนิสนั่นก็คือการล่องเรือกอนโดล่า  ซึ่งโดยปกติแล้วคู่รักมักจะพากันไปนั่งเรือกอนโดล่าพร้อมกับชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองเวนิสในขณะที่จะมีเพลงบรรเลงอยู่บนเรือกอนโดล่าให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินอีกด้วยและการที่นั่งเรือกอนโดล่าไปขณะที่ฟังเพลงชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเวนิสไฟก็คือสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของเมืองแห่งนี้นั่นเองนอก

       จากนี้ในขณะที่คุณมองวิวทิวทัศน์ของเมืองเวนิสนั้นคุณก็จะเห็นว่าที่นี่นั้นทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืนเป็นสถานที่ที่มีความงดงามเป็นอย่างมากในช่วงเวลากลางคืนที่นี่จะเป็นเมืองแห่งเสียงดนตรีในขณะที่ช่วงเวลากลางวันก็จะเต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมมากมายดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของผลงานด้านศิลปะจึงมักจะเดินทางมาเที่ยวที่เมืองเวนิสเพราะสามารถที่จะศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของประเทศอิตาลีและยังสามารถศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการค้าการขายการเดินเรือขอ ที่มีความเจริญก้าวหน้ามานับพันปีได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย.  sexybaccarat

เมืองเวนิส  ประเทศอิตาลี  เมืองที่ควรไปเที่ยวก่อนที่จะหายไปจากโลก 

         หากพูดถึงประเทศอิตาลีเชื่อว่าหลายคนย่อมรู้จักเมืองหลวงของประเทศนี้กันเป็นอย่างดี  เมืองเวนิส  ประเทศอิตาลี เนื่องจากว่าเป็นเมืองที่ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองที่มีความสวยงามและความโรแมนติกเป็นอย่างมากหลายคนที่เดินทางไปเที่ยวอิตาลีก็จะหาโอกาสแวะไปเที่ยวที่เมืองเวนิสโดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของ venice และสร้างชื่อเสียงระดับโลกให้กับเมืองเวนิสซึ่งก็คือการล่องแม่น้ำสายสำคัญของเมืองเวนิสโดยจะมีนักดนตรีคอยขับกล่อมเพลงระหว่างที่คุณนั่งชมแม่น้ำรอบเมืองเวนิสนั่นเองซึ่งมีการมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิซที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี

         อย่างไรก็ตามอย่างที่รู้กันว่าประเทศอิตาลีนั้นเป็นประเทศซึ่งมีเกาะขนาดเล็กหลายๆเกาะรวมกันและเมืองเวนิสก็เป็นเมือง 1 ของประเทศอิตาลีที่เป็นเกาะ  บนเกาะของเมืองเวนิสนั้นจะเต็มไปด้วยคลองซึ่งมีทั้งคลองขนาดเล็กและคลองขนาดใหญ่มากมายเต็มไปหมดดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้าหากคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมือง  venice จะเห็นสะพานมากมายเต็มไปหมดบนเมืองเวนิสแห่งนี้เพราะสะพานนั้นจะใช้สำหรับในการสัญจรข้ามไปมาระหว่างคลองและแม่น้ำ  ทำให้ที่เมืองเวนิสได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำและเมืองแห่งสะพาน

       เมืองเวนิส  ประเทศอิตาลี การเดินทางภายในเมืองเวนิสนั้นส่วนใหญ่จะเน้นการเดินทางผ่านทางน้ำเนื่องจากว่ามีคลองเยอะและเชื่อมต่อถึงกันดังนั้นการคมนาคมส่วนใหญ่จึงใช้เรือในการเดินทางหรือบางคนก็ถนัดในเรื่องของการเดินทางเท้าซึ่งเมืองเวนิสจะไม่ค่อยมีรถวิ่งมากนักอย่างไรก็ตามเราคงได้ยินข่าวกันมาบ้างแล้วว่าในขณะนี้ในบางปีเมืองเวนิสจะมีปัญหาเรื่องของน้ำขึ้นซึ่งเกิดจากน้ำทะเลนั้นหนุนทำให้เมืองเวนิสนั้นมีน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง    

        สถานการณ์ของประเทศอิตาลี นั้นก็ไม่ค่อยดีมากนักเพราะว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเกาะต่างๆใน ประเทศนั้นมีสถานการณ์เรื่องของน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองเวนิสซึ่งเรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องของการเกิดอุทกภัยบ่อยๆโดยสถานการณ์ของการเกิดน้ำท่วมในเมืองเวนิสนั้นเริ่มมาตั้งแต่ช่วงประมาณปีค.ศ 1900    ซึ่งในตอนนั้นจะเห็นได้ว่ามีน้ำท่วมแถวบริเวณ เซนท์มาร์กสแควร์ เกือบสิบครั้งเลยทีเดียว

         อย่างไรก็ตามปัญหาน้ำท่วมนั้นเกิดขึ้นทุกปีและเกิดขึ้นเรื่อยๆมากขึ้นกว่าเดิมซึ่งช่วงประมาณปีค.ศ 1980 มีน้ำท่วมบริเวณจุดเดิมถึงสีสิบครั้งและพอมาถึงช่วงประมาณปีพ. ศ. 2000 อีกมากกว่า หกสิบ ครั้งดังนั้นจึงทำให้มีการคาดการณ์เอาไว้ว่าในอนาคตอีกไม่ไกลนี้เราอาจจะไม่ได้มีเมืองเวนิสเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวในโลกนี้อีกแล้วเพราะอาจจะถูกน้ำท่วมแบบถาวรซึ่งการคาดการณ์นี้เชื่อว่าไม่ถึงร้อยปีเมืองเวนิสต้องจมอยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน 

 

สนับสนุนโดย.    gclub ฝากขั้นต่ำ 20

สาวไปทำงานดูไบ อยากกลับบ้านแต่กลับไม่ได้เพราะถูกนายจ้างยึดพาสปอร์ต หากจะกลับต้องเสียค่าดำเนินการ 50,000 บาท 

           เมื่อวันที่ 2 เดือนกรกฎาคมปีพศ 2564   สาวไปทำงานดูไบ โดยมีหญิงสาวคนหนึ่งได้มีการอัดคลิปแล้วโพสต์ลง Facebook ส่วนตัวโดยในคลิปนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวร้องไห้และบอกเล่าปัญหาของตนเองว่าในขณะนี้เธอเจอปัญหาว่าเธอนั้นอยากกลับประเทศไทยแต่ไม่สามารถกลับได้โดยระบุว่าเธอเดินทางมา ที่ประเทศดูไบด้วยวีซ่าการท่องเที่ยวแต่ที่จริงแล้วเธอต้องการมาทำงานที่ประเทศดูไบโดยงานของเธอนั้นก็คือทำอยู่ร้านทำเล็บ

         ซึ่งตามสัญญา  สาวไปทำงานดูไบ  ที่เธอตกลงไว้กับทางด้านเจ้าของร้านเธอจะได้รับเงินเดือนประมาณ 2,500 เดอร์แฮม นอกจากนี้เธอยังได้มีที่พักฟรีและยังมีอาหารฟรีอีกด้วยเธอจึงตัดสินใจที่จะมาทำงานที่นี่โดยนายจ้างระบุว่าจะมีการเปลี่ยนวีซ่าการท่องเที่ยวเป็นวีซ่าทำงานให้ภายหลัง  โดยหญิงสาวคนดังกล่าวระบุว่าตนเองนั้นเดินทางมาทำงานที่ประเทศดูไบตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 เดือนกุมภาพันธ์ปีพศ 2564 แล้ว  

          อย่างไรก็ตามหลังจากที่เธอเดินทางมาที่ประเทศดูไบแล้วกลับไม่เป็นไปอย่างที่นายจ้างได้มีการพูดคุยกันเอาไว้เพราะห้องพักที่บอกว่าฟรีนั้นก็เป็นห้องพักรวมซึ่งมีคนอาศัยอยู่ในห้องเดียวกันนั้นเยอะมากเรียกได้ว่าแออัดมากและห้องน้ำก็มีอยู่ห้องเดียวนอกจากนี้อาหารฟรีก็เป็นเพียงแค่กับข้าวอย่างเดียวเท่านั้นกับข้าวต้องเสียค่าใช้จ่ายเองและเมื่อไม่นานมานี้เธอถูกนายจ้างไล่ออกโดยนายจ้างอ้างว่าเธอทำงานไม่เต็มที่ที่สำคัญยังหาว่าเธอแอบสูบบุหรี่ทั้งที่เธอไม่ได้สูบ

          ซึ่งเธอนั้นต้องการที่จะกลับบ้านที่ประเทศไทยแต่ปรากฏว่านายจ้างไม่ยอมคืน พาสปอร์ตให้กับเธอทำให้เธอไม่สามารถเดินทางกลับไทยได้โดยนายจ้างระบุว่าถ้าหากเธออยากได้พาสปอร์ตคืนจะต้องหาเงินไปจ่ายให้กับนายจ้าง 50,000 บาท ซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวระบุว่าเธอไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นซึ่งหลังจากที่เธอพูดคุยตกลงกับนายจ้างไม่ได้เธอจึงได้มีการติดต่อสถานกงสุลประจำประเทศดูไบแต่ว่าผ่านไปหลายวันแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าซึ่งในขณะนี้เธอได้เช่าโรงแรมอาศัยอยู่ทำให้เธอนั้นมีค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเยอะมาก

      ซึ่งในขณะนี้เงินที่เธอเก็บไว้งั้นกำลังร่อยหรอเธอจึงอยากขอความช่วยเหลือสถานทูตของไทยให้ช่วยประสานงานให้เธอเพื่อให้เธอนั้นได้กลับบ้าน  อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องนี้ทางด้านสถานกงสุลได้มีการแนะนำให้เธอนั้นร้องเรียนไปที่กระทรวงแรงงานฟูไจราห์  เพื่อยื่นร้องเรียนนายจ้างถ้าหากว่านายจ้างทำผิดตามกฎหมายจริงซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะมีหน่วยงานไหนช่วยเหลือหญิงสาวคนดังกล่าวให้เดินทางกลับมาประเทศไทยได้หรือไม่ในตอนนี้ 

 

สนับสนุนโดย  gclubฟรี500

เที่ยวเมืองมงส์ ประเทศเบลเยียม

         สำหรับการท่องเที่ยวที่เราจะพาไป เที่ยวเมืองมงส์ ในครั้งนี้ยังคงเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเบลเยี่ยมและสถานที่ท่องเที่ยวที่เราอยากจะพาไปรู้จักนี้จะเป็นแค่เมืองเล็กๆเท่านั้นแต่บอกได้เลยว่าถึงจะเป็นแค่เมืองเล็กๆนั้นแต่ก็มีความสำคัญกับประเทศเบลเยี่ยมเช่นเดียวกันและที่สำคัญนั้นสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนี้ก็มีเยอะไม่แพ้กับเมืองใหญ่ๆของประเทศเบลเยี่ยมกันเลยทีเดียวโดยเหมือนที่เราจะพาไปเที่ยวกันนี้มีชื่อเรียกว่า  เมืองมงส์ 

         เมืองแห่งนี้นั้นเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะและวัฒนธรรม  ซึ่งเมืองนี้ได้มีการถูกคัดเลือกให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมของยุโรปเลยทีเดียวประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองแห่งนี้นั้นมีอยู่ประมาณ หนึ่งแสนคนเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้มีแนวโน้มว่าประชากรจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากการที่รัฐบาลนั้นมีการรณรงค์ให้ประชาชนนั้นมีลูกกันมากขึ้น           

       อย่างไรก็ตาม เมืองมงส์ อาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในวงการของนักท่องเที่ยวกันมากนัก  แต่ถ้าหากใครที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะวัฒนธรรมจะรู้จักเมืองนี้กันเป็นอย่างดีเพราะที่นี่จะมีการโปรโมทชื่อเสียงของเมืองไปในลักษณะของเมืองแห่งวัฒนธรรมและศิลปะนั่นเองอย่างไรก็ตามถ้ามีโอกาสได้เดินทางมาเที่ยวที่เมืองมงส์ แล้วล่ะก็  สถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนั้นไม่ควรพลาดที่จะไปเลยก็คือ ที่ Belfry of Mons นั่นเองบอกเลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ฮิตมากมาก

         สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา เที่ยวเมืองมงส์ เมืองนี้ซึ่งลักษณะของ Belfry of Mons นั้นจะมีลักษณะคล้ายกับหอระฆังทรงสี่เหลี่ยมซึ่งมีความสูงมาถึง 87 เมตรด้วยกันด้านนอกของตัวหอระฆังแห่งนี้นั้นจะมีการแขวนระฆังเอาไว้ซึ่งนับจำนวนได้ประมาณ 49 ใบในขณะที่ด้านในของหอระฆังแห่งนี้นั้นจะมีการทำเป็นบันไดวนเชื่อมต่อกันเป็นชั้นๆไปจนถึงบนยอดหอคอยซึ่งแต่ละฝังผนังของหอระฆังแห่งนี้จะใช้อิฐในการก่อสร้างต่อกันเป็นชั้นๆจนเป็นยอดสูงซึ่งมีการใช้ it รวมกันทั้งหมดเกือบ 5 แสนก็เลยทีเดียว

          ศิลปะที่ใช้ในการก่อสร้างหอระฆังแห่งนี้นั้นจะมีการออกแบบในรูปแบบของสไตล์บาโรกซึ่งเป็นสไตล์เก่าแก่ในสมัยโบราณและสถานที่แห่งนี้นั้นเป็นสถานที่แห่งเดียวในเมืองมงส์  ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกนั่นเองแน่นอนว่าด้วยความเก่าแก่ของหอระฆังแห่งนี้ทางด้านยูเนสโกจึงได้มีการยกย่องที่นี่ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกเลยทีเดียวซึ่งถ้าหากนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ต้องไม่พลาดที่จะแวะมาถ่ายรูปและเดินขึ้นไปบนยอดสูงสุดของหอระฆังเพื่อชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองมงส์ นะคะ รับรองว่าคุณจะเจอวิวที่งดงามอย่างแน่นอน    

 

 

สนับสนุนโดย.    Ufabet เข้าสู่ระบบ

พาเที่ยว จตุรัสมาเรียน พลัทซ์  ประเทศเยอรมัน 

ที่ประเทศเยอรมันมี Landmark ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองของประเทศ อัตราได้ว่าอยู่ใจกลางเมืองมิวนิคเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางจากต่างประเทศเข้าไปจะต้องไปทำการเช็คอินที่นี่เพราะที่นี่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมากโดยที่นี่เรียกว่าจัตุรัสมาเรียนพลัสหรือคนที่เยอรมันรีรู้จักกันดีในนามของจัตุรัสมารีนั่นเอง 

        ลักษณะของจัตุรัสแห่งนี้นั้นจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมซึ่งแต่เดิมที่นี่ถูกเรียกว่าตลาดสี่เหลี่ยมหลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยมีการตั้งชื่อใหม่ว่า New Town Hall   แน่นอนว่าที่นี่นั้นเป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และยังทรงคุณค่าโดยที่นี่มีทั้งศาลากลางเก่านอกจากนี้ยังมีซุ้มประตูที่มีความงดงามมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองและยังมีหอคอยสูงเด่นเป็นสง่า คล้ายกับปราสาทในเทพนิยายเลยทีเดียว

      ลักษณะของนิวทาวน์แห่งนี้หรือศาลากลางแห่งนี้นั้นจะมีการสร้างเป็นรูปปั้นซึ่งเป็นเสาสูงลักษณะของรูปปั้นนั้นจะเป็นรูปของพระแม่มารีสีทองซึ่งอยู่ด้านบนสุดของเสานอกจากนี้ด้านล่างยังมีเป็นรูปปั้นของอัศวินที่กำลังต่อสู้กับเหล่าปีศาจหมู่และที่บริเวณนี้มีการสร้างน้ำพุ Blood เอาไว้อีกด้วยนอกจากนี้ที่นี่ยังมี หอคอย  ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกที่ชื่อว่าหอคอย   Glockenspiel  

      ที่จัตุรัสมาเรียน พลัทซ์แห่งนี้นั้นจะมีสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวนั้นแวะไปเที่ยวได้เยอะแยะเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากมากับเด็กๆแล้วเราก็จะต้องชื่นชอบอย่างมากเลยทีเดียว    นอกจากนี้ไม่ไกลจากที่นี่มากนักก็มีโบสถ์ซึ่งเป็นโบสถ์ ที่มีความสวยงามโดยโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากกระเบื้องโมเสดทั้งหมดจึงให้ความสวยงามระยิบระยับแปลกตาดีทีเดียว

       ในขณะเดียวกันบริเวณพื้นที่ตรงกลางของจัตุรัสมาเรียน พลัทซ์แห่งนี้ในช่วงฤดูร้อนจะมีการจัดการแสดงโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันนั่นก็คือการจัดระบำตุ๊กตา  ซึ่งหากนักท่องเที่ยวคนไหนอยากจะชมจะมีเปิดให้ชมการแสดงอยู่ทั้งหมด 2 ช่วงด้วยกันโดยจะแสดงช่วงเวลาประมาณ 11:00 น   -12.00 น.  ส่วนอีกช่วงนึงนั้นก็จะเป็นการจัดแสดงตั้งแต่เวลา 17:00 น เป็นต้นไป  

          อย่างไรก็ตามสำหรับการแสดงระบำตุ๊กตานั้นจะงดการจัดแสดงในช่วงฤดูหนาวก็คือช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากว่าอากาศค่อนข้างเย็นโดยในช่วงนี้จะมีการจัดแสดงแค่เฉพาะช่วงเวลา 11:00 น ถึง 12:00 น เท่านั้นแต่ช่วงเวลา 17:00 น จะมีงดการแสดงนั่นเอง 

   สำหรับที่บริเวณ จตุรัสมาเรียน พลัทซ์  แห่งนี้นั้นเชื่อว่านักท่องเที่ยวต้องใช้ระยะเวลาในการเดินเที่ยวเป็นวันวันเลยทีเดียวกว่าจะเที่ยวครบในเขตพื้นที่นี้ทั้งหมด

 

 

ขอบคุณผู้สนับสนุนเรื่องราวโดย.    ufabet เว็บแม่

รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา 

          เมืองหลวงของแคนาดาคือรัฐออนตาริโอ แต่ในขณะเดียวกัน  รัฐที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแคนาดา นั้นกับเป็นรัฐควิเบกซึ่งรัฐนี้มีความสวยงามมากเลยทีเดียว   สำหรับสมญานามของรัฐแห่งนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นยุโรปแห่งอเมริกาเหนือส่วนสาเหตุนั้นก็เพราะว่าที่นี่มีกลิ่นอายความเป็นยุโรปในยุคโบราณเป็นอย่างมากและมีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่มากมายภายในรัฐแห่งนี้

         ในอดีตกาลนั้นมีกลุ่มพ่อค้าชาวฝรั่งเศสและนักเดินเรือได้มีการเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ทำให้สถานที่แห่งนี้นั้นสิ่งก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นตัวอาคารบ้านเรือนหรือแม้แต่ร้านค้าจึงมีลักษณะของการปลูกสร้างเป็นศิลปะวัฒนธรรมคล้ายกับของประเทศฝรั่งเศสมากเลยทีเดียวหรืออาจจะกล่าวได้ว่าภายในรัฐควิเบกแห่งนี้มีความเป็นฝรั่งเศสมากที่สุดดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะไปเที่ยวที่ประเทศแคนาดาแต่คุณก็ยังได้รับกลิ่นอายของประเทศฝรั่งเศสได้ถ้าหากคุณเดินทางมาที่รัฐควิเบกแห่งนี้นั่นเอง 

         บรรยากาศภายในรัฐควิเบกต้องบอกว่าที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีคุณแทบจะเห็นภูเขากลายเป็นสีแดงสีส้มสลับเขียวเรียกได้ว่าเป็นเมืองในฝันหรือเมืองในเทพนิยายเลยก็ว่าได้อีกทั้งที่นี่ยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่อกล้อมทำให้บรรยากาศของรัฐควิเบกแห่งนี้นั้นมีความสวยงามเรียกได้ว่าสวยจนน่าสะพรึงเลยทีเดียว   โดยเฉพาะในช่วงที่ไปเมลเบิร์นเปลี่ยนสีเป็นสีแดงจะทำให้เมืองนี้มีสีสันที่สดใสเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

        ซึ่งแน่นอนว่าบรรยากาศภายในรัฐควิเบกนี้เหมาะอย่างยิ่งกับการมานั่งปิกนิกจิบกาแฟหรือจิบน้ำชายามบ่ายหรือแม้แต่เดินออกกำลังกายเล่นแบบชิวๆ   อย่างไรก็ตามใน รัฐควิเบก นี้ มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทำมากมายเช่นหากใครที่ชื่นชอบกิจกรรมแนวผจญภัยทั้งหลายแหล่คุณก็สามารถที่จะเล่นสกีได้ในช่วงฤดูหนาวหรือจะปีนเขาเดินป่าก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันในขณะเดียวกันถ้าใครชอบสำรวจก็สามารถที่จะสำรวจซากเรืออับปางที่อยู่ใต้น้ำหรือพายเรือและดำน้ำก็ได้

        นอกจากนี้บรรยากาศของรัฐควิเบกนั้นเป็นบรรยากาศค่อนข้างที่จะเงียบสงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติซึ่งแตกต่างกับรัฐออนตาริโออย่างชัดเจนเลยทีเดียวเพราะรัฐออนตาริโอนั้นเป็นเหมือนกับศูนย์รวมทางด้านเศรษฐกิจในขณะที่รัฐควิเบกนี้เป็นศูนย์รวมเกี่ยวกับธรรมชาติอย่างแท้จริงซึ่งวิวทิวทัศน์ส่วนใหญ่นั้นก็จะมีภูเขาอบรมรอบเต็มไปหมดทำให้บรรยากาศของที่นี่เป็นบรรยากาศแบบธรรมชาติดังนั้นหากนักท่องเที่ยวคนไหนชื่นชอบธรรมชาติและไม่ชอบแสงสีเสียงแนะนำว่ามาเที่ยวที่รัฐควิเบกรับรองคุณไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน 

 

สนับสนุนโดย    ติดต่อ ufabet