สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณรู้จักแล้วคงไม่อยากไปอย่างแน่นอน

สถานที่ท่องเที่ยวบางสถานที่ก็น่ากลัวจนเกินไปหรืออันตรายจนเกินไปซึ่งเราเชื่อว่าคุณสามารถที่จะเดินทางไปที่ไหนบนโลกแห่งนี้ก็ได้ถ้าหากคุณมีอุปกรณ์  สถานที่ท่องเที่ยวไม่อยากไปอย่างแน่นอน และเงินเพียงพอในการเดินทางแต่ว่าบางสถานที่มันก็ไม่ควรไปหรือเปล่าเพราะว่ามันอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ตัวคุณเอง 

ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนที่กล้าผจญภัยเผชิญอะไรต่างๆนานาแต่ว่าในบางสถานที่บางสิ่งก็ไม่ควรไปเพราะว่ามันเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายกับคุณมากซึ่งถ้าหากเราไปเที่ยวและพบกับความสนุกสนานก็ควรที่จะไป แต่ว่ารักสถานที่ที่เดินทางไปแล้วมันเป็นอันตรายจนเกินไปเราก็ไม่ควรจริงไหมล่ะ 

 

ดังนั้นในวันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าสถานที่ไหนบ้างที่เราไม่ควรจะไปแบบเด็ดขาดซึ่งถ้าหากคุณไปแล้วอาจจะเป็นการก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าความสนุกสนานหรือการผจญภัยไปอีกโดยสถานที่ต่างๆเหล่านั้นมีดังต่อไปนี้

เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน 

เชื่อกันว่าภัยพิบัติเชอร์โนบิลที่เกิดขึ้นจากการที่วิศวกรได้ทำการทดสอบเกี่ยวกับการทำงานของระบบที่เป็นหล่อเย็นเห็นได้ว่าการทดสอบทั้งนั้นเกิดความล่าช้าจึงทำให้ก่อเกิดแรงดันน้ำที่มีค่อนข้างสูงโดยได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันซึ่งทำให้ระบบการตัดสินงานอย่างอัตโนมัตินั้นไม่ก่อให้เกิดการทำงาน 

จึงเป็นเหตุส่งผลทำให้ เกิดความร้อนที่สูงมากขึ้น จนทำให้เกิดแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่เป็นหมายเลข 4 ได้ทำการหลอมละลาย และได้เกิดระบบขึ้นในทันที ห้องเช้ามืดในวันที่ 26 เมษายน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นปี 1986 ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลจากการที่มันระเบิดนั้น จะก่อให้เกิดเป็นที่เท่าที่มีการปนเปื้อนกับ กัมมันตภาพรังสี ทำให้ควันพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศด้านบน อยู่ระยะยาวนานถึง 10 วันได้ 

จึงเป็นการทำให้ขี้เถ้าได้ทำการปกคลุมทางตะวันตกของโซเวียตและยังปกคลุมไปทางยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก และยุโรปเหนือหรือพื้นที่มากกว่า 2 แสนตารางกิโลเมตร โดยทำการครอบคลุมพื้นที่ 71% ของประเทศเบลารุส รัสเซีย และยูเครน สาเหตุที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนของกัมมันตภาพรังสี จึงส่งผลทำให้ทางการของทั้งสามประเทศนี้ ได้ทำการอพยพประชาชนของพวกเขา 

ซึ่งผลที่รวมออกมาได้น่าจะเกิน 330,000 คน โดยทำการไปตั้งถิ่นฐานสถานที่แห่งใหม่ ในขณะที่มีพื้นที่รัศมีที่อยู่ที่ 30 กิโลเมตร โดยอยู่รอบโรงไฟฟ้าของเชอร์โนบิลนั้นได้ทำการถูกประกาศให้เป็นพื้นที่และเขตอันตรายซึ่งสาเหตุที่มีการระเบิดในครั้งนี้ส่งผลทำให้มีผู้ที่เสียชีวิตในทันทีหลังจากที่มีเหตุการณ์ระเบิดทั้งนั้นจำนวน 31 คนซึ่งคนเหล่านั้นเป็นพนักงานหรือคนงานที่อยู่ในโรงงานไฟฟ้าเชอร์โนบิลเองหลังจากนั้นก็ได้มีผู้คนที่ได้ทำการระบุว่า ในอนาคตอาจจะมีผู้ที่เสียชีวิตจาก โรคมะเร็งที่ทำการเกี่ยวข้องกับ กัมมันตภาพรังสีอีกมากกว่า จำนวน 40 คนอย่างแน่นอน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ufabet ฝากเงิน ออโต้

พระราชวังเคนซิงตัน แห่งกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ 

        ในอดีตนั้นประเทศอังกฤษมีการปกครองภายใต้การดูแลของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ต่างๆซึ่งปัจจุบันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาอยู่ภายใต้ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยทั้งหมดแต่เชื้อพระวงศ์ก็ยังคงได้รับความสำคัญ พระราชวังเคนซิงตัน และได้รับความเคารพจากประชาชนชาวอังกฤษเช่นเดิมอย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าในสมัยก่อนนั้นมีเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์ต่างๆหรือแม้แต่กระสัตว์ค่อนข้างเยอะมากในราชวงศ์อังกฤษทำให้ที่ประเทศอังกฤษนั้นจึงมีการสร้างพระราชวังเอาไว้อย่างมากมายซึ่งพระราชวังในประเทศอังกฤษมีก็คือบ้านที่กษัตริย์หรือเจ้าชายต่างๆใช้อยู่อาศัยนั้นเอง

       สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอังกฤษนั้นเราจะเห็นได้ว่าเวลาที่เราเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศอังกฤษสถานที่ท่องเที่ยวที่เรามักจะเดินทางไปเที่ยวกันก็คือพระราชวังซึ่งในประเทศอังกฤษนั้นมีพระราชวังเยอะมากและหนึ่งในพระราชวังที่เราจะแนะนำให้รู้จักกันในวันนี้ก็คือพระราชวังเค็นซิงตันนั่นเอง  ที่นี่แต่เดิมนั้นเป็นเพียงแค่วิลล่าขนาดเล็กธรรมดาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก่อนที่จะมีการปรับปรุงขยายใหญ่ขึ้นจนกลายมาเป็นพระราชวังในที่สุด

        สำหรับพระราชวังแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ พระราชวังเคนซิงตัน หลายต่อหลายคนด้วยกันไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 3 และพระนางแมรี่ที่ 2 หรือแม้แต่สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียซึ่งในตอนที่พระองค์ยังคงเป็นเด็กเล็กๆนั้นพระองค์เคยประทับอยู่ที่นี่หลังจากเมื่อโตขึ้นพระองค์ถึงย้ายไปประทับที่พระราชวังบัคกิ้งแฮมนอกจากนี้ยังมีเจ้าหญิงไดอาน่ารวมถึงเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตก็เคยมาประทับอยู่ที่พระราชวังเคนซิงตันเช่นเดียวกัน 

      อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีพระราชวังเค็นซิงตันยังคงกลายเป็นที่ประทับของพระราชวงศ์อังกฤษอยู่เช่นเดิมซึ่งปราสาทองค์ปัจจุบันที่ได้พักอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ก็คือเจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าหญิงเคทรวมถึงพระโอรสและพระธิดาของพระองค์ของทั้งสองพระองค์นั้นเอง 

        สำหรับพระราชวังเคนซิงตันนั้นเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมความงดงามภายในได้โดยจะมีการเปิดเฉพาะบางพื้นที่หรือบางส่วนเท่านั้นซึ่งจะเห็นได้ว่าด้านในพระราชวังนั้นมีความโอ่อ่าหรูหราและที่สำคัญงดงามเป็นอย่างมากเพราะมีการตกแต่งเอาไว้ ด้วยเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นที่ไม่ธรรมดานอกจากนี้ยังมีการนำประติมากรรมต่างๆที่มีความงดงามจากทั่วโลกมาประดับตกแต่งทำให้พระราชวังแห่งนี้งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลยทีเดียว

 อย่างไรก็ตามหากนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวที่พระราชวังแห่งนี้จะมีโซนที่มีการนำเสื้อผ้าเครื่องประดับของเจ้าหญิงไดอาน่ามาจัดแสดงเอาไว้ภายในพระราชวังแห่งนี้ด้วย  นอกจากนี้บริเวณด้านนอกของพระราชวังนั้นก็มีการตกแต่งไว้อย่างสวยงามไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือบ่อน้ำรวมถึงหินทางเดินและน้ำพุมีการจัดสรรเอาไว้อย่างลงตัว     

 

สนับสนุนโดย.  สมัคร Gclub

ashikaga Flower Park ประเทศญี่ปุ่น 

          ถ้าหากนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นและเคยมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่สวน Kawasaki Fuji Garden ชื่อว่าจะต้องรู้สึกชื่นชอบกับสวนดอกไม้แห่งนี้อย่างแน่นอนอย่างไรก็ตามที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นยังมีสวนดอกไม้ที่น่าสนใจอีกหลายแห่งซึ่งในครั้งนี้จะพาไปรู้จักสวนดอกไม้ที่มีความงดงามไม่แตกต่างจากส่วนที่ Kawasaki Fuji Garden อย่างแน่นอนโดยสวนแห่งนี้นั้นมีชื่อว่าสวนอาชิคางะ  ซึ่งสวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดโทชิกิโดยอยู่ในเมืองอาชิคางะนั้นเอง  ชาวเมืองจึงเรียกส่วนนี้ว่า ashikaga Flower Park

        สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่เดินทางไปเที่ยวที่เมืองโตเกียวสามารถแวะมาเที่ยวชมความงดงามของดอกไม้ที่ ashikaga Flower Park แห่งนี้ได้เพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียงแค่ประมาณ 80 กิโลเมตรเท่านั้นการเดินทางไปมานั้นค่อนข้างสะดวกสบายเนื่องจากที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีทั้งรถสาธารณะและรถไฟฟ้าความเร็วสูงทำให้ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ไม่นานก็สามารถเดินทางมาที่ ashikaga Flower Parkแห่งนี้เพื่อทำการถ่ายรูปสวยๆกับวิวทิวทัศน์ที่งดงามได้แล้ว

          สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ในแต่ละวันนั้นจะต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากมายมหาศาลเนื่องจากว่าการเดินทางที่ไม่ไกลจากตัวเมืองโตเกียวมากนักและการเดินทางที่สะดวกสบายสามารถเดินทางไปกลับเพียงวันเดียวได้ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเพราะเมื่อช้อปปิ้งสินค้าหรือเดินทางเที่ยวในเมืองโตเกียวจนเบื่อแล้วก็สามารถมาถ่ายรูปกับวิวทิวทัศน์ดอกไม้สวยๆที่สวนอาชิคางะแห่งนี้ได้นั่นเอง

     สำหรับสวนอาชิคางะแห่งนี้นั้นเป็นส่วนที่มีขนาดพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นเดียวกันโดยที่นี่ ได้มีการนำดอกวิธีเรียงมาทำการปลูกซึ่งที่นี่นั้นจะมีดอกวิสทีเรียมากกว่า 350 ต้นปลูกภายในสวนขนาดใหญ่และต้นไม้แต่ละต้นนั้นก็มีอายุเก่าแก่เกินกว่า 150 ปีเรียกได้ว่าเดินทางมาเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน

          นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังมีการทำอุโมงค์ดอกวิสทีเรียด้วยเช่นเดียวกันโดยอุโมงค์ของดอกวิสทีเรียแห่งนี้นั้นจะนำดอกวิทยาซึ่งมีสายพันธุ์สีขาวมาทำการปลูกไว้ประดับประดาอุโมงค์ให้มีความสวยงาม  นักท่องเที่ยวสามารถเดินเพลินภายใต้อุโมงค์ดอกวิสทีเรียสีขาวแห่งนี้ได้ด้วยระยะทางความยาวถึง 80 เมตรด้วยกันไม่ใช่แค่อุโมงของดอกวิสทีเรียสีขาวเท่านั้นแต่ยังมีอุโมงค์อื่นๆอีกมากมายที่เจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมไว้รองรับนักท่องเที่ยว

         ซึ่งแต่ละอุโมงค์นั้นจะมีสีสันแตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นสีเหลืองหรือแม้แต่สีม่วงเพราะดอกวิสทีเรียนั้นมีมากมายหลายสายพันธุ์นั่นเอง  หากนักท่องเที่ยวคนไหนสนใจเดินทางมาเยี่ยมชมความสวยงามของดอกวิสทีเรียที่ ashikaga Flower Park แห่งนี้แนะนำว่าช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาเที่ยวมากที่สุดนั้นควรจะมาช่วงประมาณปลายเดือนเมษายนไปจนถึงช่วงเดือนพฤษภาคมซึ่งช่วงนี้นั้นจะเป็นช่วงที่ดอกวิสทีเรียกำลังเบ่งบานสวยงามมากเลยทีเดียว 

 

สนับสนุนโดย.  ทางเข้า gclub มือถือ

สุเหร่าเซนต์โซเฟีย  หรือวิหารเซนต์โซเฟียประเทศตุรกี

         เชื่อว่านักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศตุรกีหรือเคยศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับประเทศตุรกีคงได้ยินชื่อวิหารเซนต์โซเฟียกันมาบ้างพระวิหารนี้เป็นวิหารที่เก่าแก่  สุเหร่าเซนต์โซเฟีย และมีความศักดิ์สิทธิ์และที่สำคัญเป็นวิหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องของความสวยงามเป็นอย่างมาก  สำหรับวิหารแห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาอยู่ในเมืองกรุงอิสตันบูล 

      เป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำมือมนุษย์และมีการก่อสร้างเอาไว้อย่างสวยงามยิ่งใหญ่อลังการจนถึงขนาดว่าวิหารแห่งนี้ถูกจัดอันดับให้เป็นวิหารที่มีความสวยงามติด 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนอกจากนี้การจัดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ในยุคกลางก็ยังเป็นสถานที่ที่มีความสวยงามเป็นอันดับ 8 ของโลกอีกด้วย 

      สุเหร่าเซนต์โซเฟีย แห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาในสมัยของจักรวรรดิไบแซนไทน์โดยเป็นยุคการปกครองของจักรพรรดิจัสติเนียนนั่นเองว่ากันว่าวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงปี 532 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีกว่าแล้วเสร็จโดยวิหารแห่งนี้นั้นเป็นมหาวิหารที่มีความงดงามซึ่งหาวิหารฯที่มีความงดงามเทียบเท่านั้นได้ยากมากเลยทีเดียว

       ปัจจุบันเนื่องจากว่าวิหารแห่งนี้มีความเก่าแก่มากแล้วจึงได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้งนอกจากนี้ยังมีการต่อเติมให้ดูยิ่งใหญ่อลังการและงดงามมากขึ้นไปอีกมีการก่อสร้างโบสถ์สวยๆมากมายเต็มไปหมดในช่วงประมาณปี  563 ช่วงดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่มีการเกิดแผ่นดินไหวและส่งผลทำให้ยอดโดมของวิหารแห่งนี้หักโค่นลงมาจึงมีผลทำให้ต้องมีการบูรณะซ่อมแซม

    ยอดโดมของวิหารเหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้นไม่ได้ทำให้เพียงแค่ยอดโดมหักพังทลายลงมาเท่านั้นแต่ทำให้วิหารเซนต์โซเฟียนั้นมีรอยร้าวเกิดขึ้นด้วยซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ก็ต้องเร่งดำเนินการปรับปรุงบูรณะซ่อมแซมในส่วนที่มีการแตกร้าวเพราะเกรงว่าวิหารเก่าแก่ที่มีความสวยงามนี้จะพังลงมานั่นเอง

        อย่างไรก็ตามสำหรับวิหารแห่งนี้นั้นตั้งอยู่ใกล้ๆกันกับสุเหร่าสีน้ำเงินซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจโดยถ้าหากว่านักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่วิหารเซนต์โซเฟียถ่ายรูปสวยๆเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะเดินทางข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อไปเยี่ยมชมความสวยงามของสุเหร่าสีน้ำเงินซึ่งมีลักษณะใหญ่โตโอ่โถและสวยงามไม่แตกต่างกับวิหารเซนต์โซเฟียเลย

 สำหรับวิหารเซนต์โซเฟียนั้นเป็นวิหารต้นแบบที่ภายหลังนั้นได้มีการก่อสร้างสุเหร่าแล้วเรียนแบบความสวยงามของวิหารแห่งนี้กันอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว สำหรับวิหารแห่งนี้ว่ากันว่าในครั้งแรกที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นเป็นการสร้างสำหรับให้เป็นโบสถ์ของคนที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นที่ประทับของรูปปั้นขององค์พระเยซู 

 

สนับสนุนโดย.  Ufabet เข้าสู่ระบบ

Chocolate Ville จังหวัดกรุงเทพมหานคร

          สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะพาไปเที่ยวกันในครั้งนี้นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในโลกโซเชียล  Chocolate Ville อยู่ในตอนนี้เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นมีบรรยากาศที่เก๋ไก๋และมีการตกแต่งสถานที่ท่องเที่ยวแนวซาดิสยุโรปมีมุมต่างๆมากมายที่สวยงามและเหมาะกับการถ่ายรูปดังนั้นถ้าหากใครหรือนักท่องเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบการไปเที่ยวเพื่อทำการถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกแนะนำว่าถ้าไปเที่ยวที่นี่รับรองจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

      สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อยู่ในเขตกรุงเทพฯ Chocolate Ville โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปตรงบริเวณถนนประเสริฐมนูกิจซึ่งอยู่แถวรามคำแหงซึ่งในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติแต่จะมีการจำกัดช่วงเวลานักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปเที่ยวได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 15:00 น เป็นต้นไปและจะปิดให้บริการในช่วงเวลาประมาณ 21:00 น 

      แต่ถ้าหากช่วงไหนเป็นช่วงที่ รัฐบาลมีการประกาศล็อกดาวน์อาจจะมีการควบคุมช่วงเวลาในการไปเที่ยวให้สามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 19:00 น ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจจะต้องมีการเช็คกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ก่อนว่าจะปิดให้บริการกี่ทุ่ม เพื่อที่จะได้วางแผนการเดินทางและไม่เสียเที่ยวในการไปเที่ยวในครั้งนั้นนั่นเอง 

         สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ในครั้งนี้ก็คือหมู่บ้าน Chocolate Ville บอกได้เลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นกำลังเป็นที่นิยมมากโดยคนมาแชร์กันมากใน Social Media เพื่อแนะนำว่าใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูปให้ไปเที่ยวที่นี่ได้เลยเพราะคุณจะได้มุมดีๆมากมายเต็มไปหมดโดยที่นี่จะมีการสร้างเป็นเมืองจำลองเอาไว้ซึ่งมีการตกแต่งเอาไว้เป็นลักษณะของบรรยากาศต่างประเทศโดยสิ่งก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นอาคารตึกรามบ้านช่องต่างๆหรือสะพานจะมีการทาสีเป็นแบบสีพาสเทลซึ่งเวลาถ่ายรูปและสีสันออกมาสวยงามมาก

     เนื่องจากว่าเป็นการนำสีหวานๆมาตกแต่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้และยิ่งถ้าเกิดว่านักท่องเที่ยวคนไหนไปเที่ยวสถานที่แห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืนจะเห็นว่ามีการติดไฟเอาไว้มากมายเต็มไปหมดซึ่งแสงไฟนั้นจะทำให้บรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มีความโรแมนติกเพิ่มขึ้นมากไปอีกและเวลาถ่ายรูปก็จะสวยมากขึ้นไปอีกเช่นเดียวกันหลายคนจึงเลือกเดินทางมาทำการเช็คอินที่หมู่บ้านChocolate Ville แห่งนี้กัน 

       อย่างไรก็ตามในยุคที่ยังคงมีการระบาดหลายคนอาจจะกลัวเกี่ยวกับเรื่องของการไปเที่ยวแต่รับรองได้เลยว่าเมื่อคุณเดินทางมาเที่ยวที่หมู่บ้านChocolate Ville แห่งนี้ นักท่องเที่ยวจะปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัส covid แน่นอนเนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบเปิดมีลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลาเพราะอากาศถ่ายเทมเป็นลักษณะการเที่ยวแนว  outdoor เพราะฉะนั้นจะไม่แออัดและไม่มีคนหนาแน่นมากจนเกินไปที่สำคัญเจ้าของสถานที่ยังดูแลผู้ที่เข้าไปใช้บริการอย่างเข้มงวดโดยทุกคนจะต้องใส่หน้ากากอนามัยและมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าไปใช้บริการสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ด้วย 

 

สนับสนุนโดย.  Ufabet เข้าสู่ระบบ

พาไปเที่ยวที่ หาดปึกเตียน จังหวัดเพชรบุรี 

           สำหรับจังหวัดเพชรบุรีนั้นเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่บางส่วนติดกับทะเล หาดปึกเตียน ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดทะเลเช่นชายหาดชะอำหรือแม้แต่ชายหาดเจ้าสำราญซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากคนไทยนิยมพาบุตรหลานหรือคนในครอบครัวรวมถึงเพื่อนฝูงนัดหมายกันไปเที่ยวในวันหยุดประจำสัปดาห์หรือแม้แต่วันหยุดยาวก็ตาม

            อย่างไรก็ตามสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเพชรบุรีที่เราจะพาไปรู้จักในครั้งนี้นั้นเป็นชายหาดอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีที่ได้รับความนิยมไม่แตกต่างจากที่ชะอำและหาดเจ้าสำราญเลยนั่นก็คือหาดปึกเตียนนั่นเองสำหรับหาดปึกเตียนนี้อยู่บริเวณกึ่งกลางระหว่างชายหาดชะอำกับชายหาดเจ้าสำราญซึ่งหาดปึกเตียนนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความร่มรื่นบริเวณริมชายหาดนั้นมีแนวต้นไม้ทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่

 

ที่นี่จะมมีการปลูกต้นไม้ไว้เพื่อให้ร่มเงาแก่นักท่องเที่ยวที่มานั่งเล่นบริเวณริมชายหาด

ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมานั่งริมชายหาดได้ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันก็ตามโดยที่อากาศยังคงร่มรื่นร่มเย็นที่สำคัญชายหาดปึกเตียนนั้นเป็นชายหาดที่ค่อนข้างเงียบสงบ  ผู้ขนไม่ค่อยพลุกพล่าน หากเปรียบเทียบกับชายหาดชะอำและชายหาดเจ้าสำราญแล้วนั่นเอง

        สิ่งที่เราสามารถทราบได้ว่าบริเวณนี้คือชาย หาดปึกเตียน นั้นก็คือรูปปั้นของนางผีเสื้อสมุทรและพระอภัยมณีซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชายหาดปึกเตียนนั่นเองถึงแม้ชายหาดแห่งนี้จะเป็นชายหาดที่มีความกว้างไม่เยอะมากนักแต่ก็สามารถที่จะมานั่งรับลมเย็นของทะเลรวมถึงมานั่งมองพระอาทิตย์ตกดินและที่สำคัญสามารถลงเล่นน้ำตรงบริเวณชายหาดแห่งนี้ได้ด้วยซึ่งน้ำที่นี่นั้นจะเป็นน้ำที่สะอาดและไม่มีเศษขยะมาให้รกหูรกตาเลย

 

 

รูปปั้นของผีเสื้อสมุทรและพระอภัยมณี

นั้นจะมีการปั้นเอาไว้อยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยโดยจะถูกปั้นแล้วนำไปวางบนเนินซึ่งอยู่บริเวณเกาะกลางทะเลโดยระยะทางไม่ไกลจากบริเวณริมชายหาดมากนักเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาเช็คอินและมาถ่ายรูปกับรูปปั้นของนางผีเสื้อสมุทรกับพระอภัยมณีซึ่งเป็นตัวละครในวรรณคดีของไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก 

        บริเวณริมชายหาดปึกเตียนนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมายเต็มไปหมดซึ่งแต่ละร้านก็จะมีการนำเสนออาหารรสชาติที่แปลกแตกต่างกันออกไปมีทั้งร้านขายของที่ระลึกและร้านขายอาหารและเครื่องดื่มนอกจากนี้ถ้าหากใครอยากจะพักผ่อนหย่อนใจด้วยการค้างคืนก็จะมีบริการห้องพักคอยให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยเช่นเดียวกัน

          สำหรับชายหาดปึกเตียนนี้เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ตลอดโดยขับรถมาทางถนนเพชรเกษมเมื่อมาถึงสี่แยกคลองชลประทานสาย 2 ให้เลี้ยวซ้ายขับรถเข้ามาเพียงแค่ 15 กิโลเมตรก็จะถึงชายหาดปึกเตียนแล้ว 

 

สนับสนุนโดย  Ufabet เข้าสู่ระบบ

พาเที่ยวเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

       เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักประเทศอิตาลีกันเป็นอย่างดีและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ว่ากันว่าเป็นเมืองที่มีความโรแมนติก พาเที่ยวเมืองเวนิส และน่าเดินทางไปเที่ยวซึ่งถ้าหากใครมีโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องอยากจะเดินทางไปเที่ยวที่แห่งนี้นั่นก็คือเมืองเวนิสนั่นเอง

     อย่างไรก็ตามเรารู้กันดีว่าในขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกและเมืองเวนิสนั้นก็ล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเล เมืองเวนิสนั้นใกล้จะเป็นเมืองที่จะล่มสลายหายไปเพราะน้ำกำลังจะท่วมแล้วแต่ก็ยังสามารถที่จะเดินทางไปเที่ยวได้ในช่วงนี้แต่คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะไม่มีเวลานี้อยู่ในประเทศอิตาลีเลยก็ได้ดังนั้นถ้าหากในช่วงนี้ใครพอที่จะมีเวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศและมีเงินมากพอที่จะเดินทางไปเที่ยวที่ต่างประเทศแนะนำว่าให้ลองไปเที่ยวที่เมืองเวนิสสักครั้งหนึ่งซึ่งมันจะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากและที่สำคัญมันสามารถเป็นความทรงจำที่ดีก่อนที่เมืองเวนิสจะไม่มีในโลกนี้อีกต่อไปนั่นเอง

            เมืองเวนิสนั้นเป็นเมืองที่มีความงดงามและมีความแตกต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆจากในโลกเนื่องจากว่าเมืองเวนิสนั้นมีการก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองที่สำคัญความสวยงามของเมืองเวนิสนั้นได้รับสมญานามว่าเป็นราชินีแห่ง ทะเลอาเดรียติก  หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นเมืองแห่งสายน้ำ เลยก็ว่าได้ 

         พาเที่ยวเมืองเวนิส  สาเหตุที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ตั้งสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำนั่นก็เพราะว่าเมืองเวนิสนั้นใช้วิธีการเดินทางส่วนใหญ่แล้วผ่านทางคลองมากกว่าการใช้ถนนหรือใช้รถนั่นเองเนื่องจากว่าถ้าหากไปดูพื้นที่ภายในเมืองเวนิสจะเห็นได้ว่ามีคลองมากมายเต็มไปหมดซึ่งนับได้เป็นจำนวนสูงเกินกว่า 150 คลองเลยทีเดียว

     ซึ่งคลองแต่ละคลองนั้นก็จะมีการเชื่อมต่อระหว่างกันและสามารถที่จะเดินทางผ่านทางคลองได้อย่างรวดเร็วนอกจากนี้สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวที่เมืองเวนิสนั่นก็คือการล่องเรือกอนโดล่า  ซึ่งโดยปกติแล้วคู่รักมักจะพากันไปนั่งเรือกอนโดล่าพร้อมกับชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองเวนิสในขณะที่จะมีเพลงบรรเลงอยู่บนเรือกอนโดล่าให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินอีกด้วยและการที่นั่งเรือกอนโดล่าไปขณะที่ฟังเพลงชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเวนิสไฟก็คือสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของเมืองแห่งนี้นั่นเองนอก

       จากนี้ในขณะที่คุณมองวิวทิวทัศน์ของเมืองเวนิสนั้นคุณก็จะเห็นว่าที่นี่นั้นทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืนเป็นสถานที่ที่มีความงดงามเป็นอย่างมากในช่วงเวลากลางคืนที่นี่จะเป็นเมืองแห่งเสียงดนตรีในขณะที่ช่วงเวลากลางวันก็จะเต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมมากมายดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของผลงานด้านศิลปะจึงมักจะเดินทางมาเที่ยวที่เมืองเวนิสเพราะสามารถที่จะศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของประเทศอิตาลีและยังสามารถศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการค้าการขายการเดินเรือขอ ที่มีความเจริญก้าวหน้ามานับพันปีได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย.  sexybaccarat

เมืองเวนิส  ประเทศอิตาลี  เมืองที่ควรไปเที่ยวก่อนที่จะหายไปจากโลก 

         หากพูดถึงประเทศอิตาลีเชื่อว่าหลายคนย่อมรู้จักเมืองหลวงของประเทศนี้กันเป็นอย่างดี  เมืองเวนิส  ประเทศอิตาลี เนื่องจากว่าเป็นเมืองที่ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองที่มีความสวยงามและความโรแมนติกเป็นอย่างมากหลายคนที่เดินทางไปเที่ยวอิตาลีก็จะหาโอกาสแวะไปเที่ยวที่เมืองเวนิสโดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของ venice และสร้างชื่อเสียงระดับโลกให้กับเมืองเวนิสซึ่งก็คือการล่องแม่น้ำสายสำคัญของเมืองเวนิสโดยจะมีนักดนตรีคอยขับกล่อมเพลงระหว่างที่คุณนั่งชมแม่น้ำรอบเมืองเวนิสนั่นเองซึ่งมีการมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิซที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี

         อย่างไรก็ตามอย่างที่รู้กันว่าประเทศอิตาลีนั้นเป็นประเทศซึ่งมีเกาะขนาดเล็กหลายๆเกาะรวมกันและเมืองเวนิสก็เป็นเมือง 1 ของประเทศอิตาลีที่เป็นเกาะ  บนเกาะของเมืองเวนิสนั้นจะเต็มไปด้วยคลองซึ่งมีทั้งคลองขนาดเล็กและคลองขนาดใหญ่มากมายเต็มไปหมดดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้าหากคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมือง  venice จะเห็นสะพานมากมายเต็มไปหมดบนเมืองเวนิสแห่งนี้เพราะสะพานนั้นจะใช้สำหรับในการสัญจรข้ามไปมาระหว่างคลองและแม่น้ำ  ทำให้ที่เมืองเวนิสได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำและเมืองแห่งสะพาน

       เมืองเวนิส  ประเทศอิตาลี การเดินทางภายในเมืองเวนิสนั้นส่วนใหญ่จะเน้นการเดินทางผ่านทางน้ำเนื่องจากว่ามีคลองเยอะและเชื่อมต่อถึงกันดังนั้นการคมนาคมส่วนใหญ่จึงใช้เรือในการเดินทางหรือบางคนก็ถนัดในเรื่องของการเดินทางเท้าซึ่งเมืองเวนิสจะไม่ค่อยมีรถวิ่งมากนักอย่างไรก็ตามเราคงได้ยินข่าวกันมาบ้างแล้วว่าในขณะนี้ในบางปีเมืองเวนิสจะมีปัญหาเรื่องของน้ำขึ้นซึ่งเกิดจากน้ำทะเลนั้นหนุนทำให้เมืองเวนิสนั้นมีน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง    

        สถานการณ์ของประเทศอิตาลี นั้นก็ไม่ค่อยดีมากนักเพราะว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเกาะต่างๆใน ประเทศนั้นมีสถานการณ์เรื่องของน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองเวนิสซึ่งเรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องของการเกิดอุทกภัยบ่อยๆโดยสถานการณ์ของการเกิดน้ำท่วมในเมืองเวนิสนั้นเริ่มมาตั้งแต่ช่วงประมาณปีค.ศ 1900    ซึ่งในตอนนั้นจะเห็นได้ว่ามีน้ำท่วมแถวบริเวณ เซนท์มาร์กสแควร์ เกือบสิบครั้งเลยทีเดียว

         อย่างไรก็ตามปัญหาน้ำท่วมนั้นเกิดขึ้นทุกปีและเกิดขึ้นเรื่อยๆมากขึ้นกว่าเดิมซึ่งช่วงประมาณปีค.ศ 1980 มีน้ำท่วมบริเวณจุดเดิมถึงสีสิบครั้งและพอมาถึงช่วงประมาณปีพ. ศ. 2000 อีกมากกว่า หกสิบ ครั้งดังนั้นจึงทำให้มีการคาดการณ์เอาไว้ว่าในอนาคตอีกไม่ไกลนี้เราอาจจะไม่ได้มีเมืองเวนิสเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวในโลกนี้อีกแล้วเพราะอาจจะถูกน้ำท่วมแบบถาวรซึ่งการคาดการณ์นี้เชื่อว่าไม่ถึงร้อยปีเมืองเวนิสต้องจมอยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน 

 

สนับสนุนโดย.    gclub ฝากขั้นต่ำ 20

เที่ยวเมืองมงส์ ประเทศเบลเยียม

         สำหรับการท่องเที่ยวที่เราจะพาไป เที่ยวเมืองมงส์ ในครั้งนี้ยังคงเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเบลเยี่ยมและสถานที่ท่องเที่ยวที่เราอยากจะพาไปรู้จักนี้จะเป็นแค่เมืองเล็กๆเท่านั้นแต่บอกได้เลยว่าถึงจะเป็นแค่เมืองเล็กๆนั้นแต่ก็มีความสำคัญกับประเทศเบลเยี่ยมเช่นเดียวกันและที่สำคัญนั้นสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนี้ก็มีเยอะไม่แพ้กับเมืองใหญ่ๆของประเทศเบลเยี่ยมกันเลยทีเดียวโดยเหมือนที่เราจะพาไปเที่ยวกันนี้มีชื่อเรียกว่า  เมืองมงส์ 

         เมืองแห่งนี้นั้นเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะและวัฒนธรรม  ซึ่งเมืองนี้ได้มีการถูกคัดเลือกให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมของยุโรปเลยทีเดียวประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองแห่งนี้นั้นมีอยู่ประมาณ หนึ่งแสนคนเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้มีแนวโน้มว่าประชากรจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากการที่รัฐบาลนั้นมีการรณรงค์ให้ประชาชนนั้นมีลูกกันมากขึ้น           

       อย่างไรก็ตาม เมืองมงส์ อาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในวงการของนักท่องเที่ยวกันมากนัก  แต่ถ้าหากใครที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะวัฒนธรรมจะรู้จักเมืองนี้กันเป็นอย่างดีเพราะที่นี่จะมีการโปรโมทชื่อเสียงของเมืองไปในลักษณะของเมืองแห่งวัฒนธรรมและศิลปะนั่นเองอย่างไรก็ตามถ้ามีโอกาสได้เดินทางมาเที่ยวที่เมืองมงส์ แล้วล่ะก็  สถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนั้นไม่ควรพลาดที่จะไปเลยก็คือ ที่ Belfry of Mons นั่นเองบอกเลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ฮิตมากมาก

         สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา เที่ยวเมืองมงส์ เมืองนี้ซึ่งลักษณะของ Belfry of Mons นั้นจะมีลักษณะคล้ายกับหอระฆังทรงสี่เหลี่ยมซึ่งมีความสูงมาถึง 87 เมตรด้วยกันด้านนอกของตัวหอระฆังแห่งนี้นั้นจะมีการแขวนระฆังเอาไว้ซึ่งนับจำนวนได้ประมาณ 49 ใบในขณะที่ด้านในของหอระฆังแห่งนี้นั้นจะมีการทำเป็นบันไดวนเชื่อมต่อกันเป็นชั้นๆไปจนถึงบนยอดหอคอยซึ่งแต่ละฝังผนังของหอระฆังแห่งนี้จะใช้อิฐในการก่อสร้างต่อกันเป็นชั้นๆจนเป็นยอดสูงซึ่งมีการใช้ it รวมกันทั้งหมดเกือบ 5 แสนก็เลยทีเดียว

          ศิลปะที่ใช้ในการก่อสร้างหอระฆังแห่งนี้นั้นจะมีการออกแบบในรูปแบบของสไตล์บาโรกซึ่งเป็นสไตล์เก่าแก่ในสมัยโบราณและสถานที่แห่งนี้นั้นเป็นสถานที่แห่งเดียวในเมืองมงส์  ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกนั่นเองแน่นอนว่าด้วยความเก่าแก่ของหอระฆังแห่งนี้ทางด้านยูเนสโกจึงได้มีการยกย่องที่นี่ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกเลยทีเดียวซึ่งถ้าหากนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ต้องไม่พลาดที่จะแวะมาถ่ายรูปและเดินขึ้นไปบนยอดสูงสุดของหอระฆังเพื่อชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองมงส์ นะคะ รับรองว่าคุณจะเจอวิวที่งดงามอย่างแน่นอน    

 

 

สนับสนุนโดย.    Ufabet เข้าสู่ระบบ

พาเที่ยว จตุรัสมาเรียน พลัทซ์  ประเทศเยอรมัน 

ที่ประเทศเยอรมันมี Landmark ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองของประเทศ อัตราได้ว่าอยู่ใจกลางเมืองมิวนิคเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางจากต่างประเทศเข้าไปจะต้องไปทำการเช็คอินที่นี่เพราะที่นี่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมากโดยที่นี่เรียกว่าจัตุรัสมาเรียนพลัสหรือคนที่เยอรมันรีรู้จักกันดีในนามของจัตุรัสมารีนั่นเอง 

        ลักษณะของจัตุรัสแห่งนี้นั้นจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมซึ่งแต่เดิมที่นี่ถูกเรียกว่าตลาดสี่เหลี่ยมหลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยมีการตั้งชื่อใหม่ว่า New Town Hall   แน่นอนว่าที่นี่นั้นเป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และยังทรงคุณค่าโดยที่นี่มีทั้งศาลากลางเก่านอกจากนี้ยังมีซุ้มประตูที่มีความงดงามมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองและยังมีหอคอยสูงเด่นเป็นสง่า คล้ายกับปราสาทในเทพนิยายเลยทีเดียว

      ลักษณะของนิวทาวน์แห่งนี้หรือศาลากลางแห่งนี้นั้นจะมีการสร้างเป็นรูปปั้นซึ่งเป็นเสาสูงลักษณะของรูปปั้นนั้นจะเป็นรูปของพระแม่มารีสีทองซึ่งอยู่ด้านบนสุดของเสานอกจากนี้ด้านล่างยังมีเป็นรูปปั้นของอัศวินที่กำลังต่อสู้กับเหล่าปีศาจหมู่และที่บริเวณนี้มีการสร้างน้ำพุ Blood เอาไว้อีกด้วยนอกจากนี้ที่นี่ยังมี หอคอย  ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกที่ชื่อว่าหอคอย   Glockenspiel  

      ที่จัตุรัสมาเรียน พลัทซ์แห่งนี้นั้นจะมีสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวนั้นแวะไปเที่ยวได้เยอะแยะเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากมากับเด็กๆแล้วเราก็จะต้องชื่นชอบอย่างมากเลยทีเดียว    นอกจากนี้ไม่ไกลจากที่นี่มากนักก็มีโบสถ์ซึ่งเป็นโบสถ์ ที่มีความสวยงามโดยโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากกระเบื้องโมเสดทั้งหมดจึงให้ความสวยงามระยิบระยับแปลกตาดีทีเดียว

       ในขณะเดียวกันบริเวณพื้นที่ตรงกลางของจัตุรัสมาเรียน พลัทซ์แห่งนี้ในช่วงฤดูร้อนจะมีการจัดการแสดงโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันนั่นก็คือการจัดระบำตุ๊กตา  ซึ่งหากนักท่องเที่ยวคนไหนอยากจะชมจะมีเปิดให้ชมการแสดงอยู่ทั้งหมด 2 ช่วงด้วยกันโดยจะแสดงช่วงเวลาประมาณ 11:00 น   -12.00 น.  ส่วนอีกช่วงนึงนั้นก็จะเป็นการจัดแสดงตั้งแต่เวลา 17:00 น เป็นต้นไป  

          อย่างไรก็ตามสำหรับการแสดงระบำตุ๊กตานั้นจะงดการจัดแสดงในช่วงฤดูหนาวก็คือช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากว่าอากาศค่อนข้างเย็นโดยในช่วงนี้จะมีการจัดแสดงแค่เฉพาะช่วงเวลา 11:00 น ถึง 12:00 น เท่านั้นแต่ช่วงเวลา 17:00 น จะมีงดการแสดงนั่นเอง 

   สำหรับที่บริเวณ จตุรัสมาเรียน พลัทซ์  แห่งนี้นั้นเชื่อว่านักท่องเที่ยวต้องใช้ระยะเวลาในการเดินเที่ยวเป็นวันวันเลยทีเดียวกว่าจะเที่ยวครบในเขตพื้นที่นี้ทั้งหมด

 

 

ขอบคุณผู้สนับสนุนเรื่องราวโดย.    ufabet เว็บแม่