ญี่ปุ่นหรือดินแดนอาทิตย์อุทัย (Land of the rising sun)

ภูเขาไฟฟูจิ 

ถึงแม้ว่าภูเขาไฟฟูจิจะอยู่ในเขตภูมิภาคชูบุแต่เราก็สามารถเดินทางจากภูมิภาคเขตคันโตได้โดยสะดวกที่สุดซึ่งเราสามารถเดินทางจากเมืองโตเกียวไปยังคะวะงุชิโกะและทะเลสาบทั้งห้าซึ่งเป็นสุดยอดของจุดชมวิวฟูจิและแหล่งแช่ออนเซ็นฉันยอดได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง โดยทางที่สะดวกที่สุดในการไปชมภูเขาไฟฟูจิก็คือการนั่งรถไฟเมื่อไปถึงสถานีแล้วเราสามารถซื้อตั๋วรถบัสซึ่งรถบัสจะมาจอดหน้าสถานีรถไฟโดยตรงเลยและเมื่อขึ้นรถบัสไปแล้วเค้าจะจอดให้ลงเป็นจุดๆได้ โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะไปลงถ่ายรูปชมวิวยังจุดไหนโดยมีตั้งแต่จุดที่ 1 ไปจนถึงประมาณจุดที่ 20 โดยเราสามารถกดกริ่งบนรถบัสเพื่อขอลงได้ทุกจุด และขากลับก็จะมีรถบัสเป็นวิ่งผ่านเป็นรอบๆตลอดเราสามารถไปยืนรอยังจุด bus stop ได้เลย 

แหล่งมรดกโลก

เขตคันโตไม่ได้เป็นเพียงแค่. ศูนย์กลางของความเจริญทางเทคโนโลยีเท่านั้นแต่ยังเป็นทั้งจุดศูนย์กลางของประวัติศาสที่เคียงคู่กับเมืองเกียวโตและภูมิภาคคันไซโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสมากมายทั้งวัดอาซากุสะ พระราชวังอิมพิเรียล เมืองโบราณคะมกุระ และยังสามารถเดินทางไปเที่ยวนิกโกเมืองมรดกโลกได้อีกด้วย

      เมืองโตเกียวมีความเป็นเสน่ห์ของตัวมันเองคือมีสีสันที่แตกต่างทั้งความวุ่นวายบนถนนสี่แยกที่มีคนข้ามที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกก็คือที่ชิบูยา ความโรแมนติกของบนโตเกียวทาวเวอร์ ความทันสมัยที่ไปกันได้ด้วยดีกับกินอายของประวัติศาสตรและความคิดสร้างสรรค์สุดบรรเจิดผ่านสถาปัตยกรรมเครื่องใช้ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆทุกอย่างผสมผสานกันจนทำให้โตเกียวกลายเป็นจุดมุ่งหมายแรกที่ผู้หลงใหลความเป็นญี่ปุ่นจะนึกถึงได้ยากที่จะลืมเลือน 

       ฮะโกะเนะ อุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียวเป็นแหล่งพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามที่มีความเพียบพร้อมเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ป่าเขา ทะเลสาบ และบ่อน้ำพุร้อน บรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกอีกทั้งยังเดินทางไปเที่ยวได้โดยสะดวก

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  บาคาร่าบิกินี่

เที่ยวที่บางบัวทอง

เด็กๆเคยมีความฝันว่าจะไปยืนบนดอกบัวไหมคะแต่สำหรับฉันนั่นคือความฝันอันสูงสุดเลยล่ะค่ะอยากจะลองทำสักครั้งหลังจากนั้นมีอยู่วันนึงฉันค้นหาในอินเทอร์เน็ตสำหรับที่เที่ยวที่บางบัวทองจากนั้นฉันก็พบว่าความฝันของฉันเป็นจริงเพราะฉันเห็นว่าที่บางบัวทองนั้นมีสวนบัวขนาดใหญ่ที่สามารถให้คนลงไปยืนหรือนั่งและถ่ายรูปได้ทันทีที่ฉันเห็นฉันดีใจมากรีบขอพ่อให้พาไปว่าน้องสาวของฉันรู้เรื่องเธอก็พยายามขอพ่อด้วย

หลังจากนั้นพ่อจะอนุญาตให้เราไปและทั้งครอบครัวก็พากันขับรถไปเที่ยวที่นั่นค่ะขับรถไปไม่นานเราก็ถึงนนทบุรีบางบัวทองหลังจากนั้นที่นี่นั้นเราก็พูดว่าสำหรับค่าเข้าเด็กนั้นจะคนละ 10 บาทเท่านั้นค่ะส่วนผู้ใหญ่จะคนละ 20 บาทถ้าเกิดว่าดูสวนดอกบัวเพียงอย่างเดียวนะคะแต่ถ้าเกิดว่าต้องการที่จะลงไปยืนในบัวว่าจะต้องเด็กคนละ 50 บาทค่ะ

คนละร้อยซึ่งสวนบัวนี้เรียกว่าสวนมาลัยบัววิคตอเรียเมื่อถามถึงประวัติความเป็นมาคือเจ้าของสวนนี้ชื่อว่าพี่มาลัย พี่มาลัยแกเป็นคนที่ชอบดอกบัวมากหลังจากนั้นแกก็ได้ซื้อต้นบัวขนาดเล็กมาและขยายสายพันธุ์และเลี้ยงมันจนเติบโตจนสามารถให้คนลงไปยืนได้ค่ะ หลังจากนั้นจึงคิดว่าหลายคนคงอยากจะลองยืนบนบัวสักครั้งดังนั้นจึงเปิดให้คนมาเที่ยวชมที่นี่ฉันตั้งชื่อว่าสวนมาลัยบัววิคตอเรียซึ่งเขานั้นได้ทำการถูกและเลี้ยงมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปีแสดงว่ามีความอดทนที่สูงมากจนสามารถทำให้บัวมีขนาดที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ซึ่งทางเจ้าของสวนได้บอกอีกว่าถ้าจะลงไปถ่ายรูปบนบัวต้องสร้างเจ้าของสวนหรือแจ้งพนักงานก่อน

เพราะว่าที่เห็นว่ามีขนาดใหญ่ไม่ได้แปลว่าสามารถเหยียบได้ทุกอันบางอันก็ยังเหยียบไม่ได้และบางอันก็สามารถเหยียบได้ดังนั้นจึงต้องถามพนักงานที่นี่ก่อนนะคะซึ่งที่นี่นั้นถ้าต้องการจะมาเที่ยวเราจะต้องควบคุมน้ำหนักของตัวเองด้วยนะคะเพราะว่าถ้าตัวหนักเกินไปก็ไม่สามารถที่จะลงบัวได้ซึ่งเคยมีลูกค้าท่านหนึ่งได้ถามกับทางเจ้าของสวนบัวว่าตอนที่ซื้อมาและมีคนสนใจจะซื้อขายราคาเท่าไหร่เขาบอกว่าขายราคา 5,000 บาท

บางทีก็ 10,000 บาทขึ้นไปถึงแม้ว่าคนที่มาสอบถามราคาจะช็อคแต่ก็ยอมจ่ายราคาไปเพราะมันก็มีความอลังการและใหญ่จริงๆก็ถือว่าสมกับราคานะคะเส้นทางเจ้าของสวนบอกว่าจริงๆแล้วซื้อบัวขนาดเล็กราคา 500 บาทหลังจากนั้นก็เลี้ยงมาเรื่อยๆจนขนาดใหญ่แบบที่เห็นทุกวันนี้ค่ะตอนนี้เขาก็ยังไม่หยุดในการที่จะทำเรื่อยๆ

เพราะว่าก็มีคนมาซื้อเยอะ ซึ่งเขาบอกว่าในการที่จะลงตัวนั้นไม่ใช่ว่ามาถึงก็ลงได้เลยหรือจ่ายเงินแล้วลงได้เลยจะต้องเอาแผ่นยางที่ทางร้านมีให้วางไว้บนใบบัวก่อนเสื้อที่แผ่นยางอันนั้นจะสามารถรับน้ำหนักของเราช่วยให้ใบบัวไม่ขาดไม่พังและไม่หักนั่นเองค่ะซึ่งสำหรับใครที่มาครั้งแรกก็จะรู้สึกว่าเสียวแต่พอยืนสักพักก็จะรู้ว่าไม่มีทางจบแน่นอนเพราะแข็งแรงมากหลังจากนั้นก็จะสามารถเดินที่จะโพสต์ท่าเก๋ๆถ่ายรูปหรือแม้แต่นั่งลงไปด้วยค่ะ

เมืองนาโกยะ ประเทศญี่ปุ่น มีอะไรน่ากินบ้าง

ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่รับการยอมรับว่ามีของกินอร่อยๆ มากมาย และแต่ละเมืองนั้นก็จะมีของอร่อยประจำเมืองที่แตกต่างกันทางเรื่องของหน้าตาของอาหาร หรือบางเมนูที่เหมือนกัน ก็จะแตกต่างกันในเรื่องของรสชาติในการปรุงรส ซึ่งเราจะมาแนะนำให้กับทุกคนทราบว่าที่เมืองนาโกยะ ประเทศญี่ปุ่น นี้มีอะไรที่น่ากินบ้าง ไม่ว่าจะเป็นของทอด กับข้าว เครื่องเคียง ดงบุริ หรือแม้แต่เมนูเส้นๆ 

อาหารเช้าสไตล์นาโกยะ (Nagoya-Style Breakfast) เป็นเมนูอาหารที่สามารถหากินได้ตามร้านคาเฟ่ที่มีอยู่ทั่วนาโกยะ เป็นอาหารเช้าพื้นๆสไตล์ท้องถิ่นที่ประกอบไปด้วยขนมปังปิ้ง ไข่ลวกสุก สลัด และกาแฟ 1 แก้ว เป็นอาหารเช้าที่เบาๆแต่ก็ดูอิ่มท้องไม่เลวเลยทีเดียว

โกเฮโมจิ (Gohei Mochi) คือโมจิเสียบไม้แล้วนำไปย่าง ตัวโมจิทำจากข้าวขาวที่นำไปบด มีรูปทรงและรสชาติที่หลากหลาย แต่ที่นิยมกันจะเป็นรูปทรงกลมๆเหมือนไข่ ทาด้วยซอสมิโซะรสหวานซึ่งถือเป็นซอสที่ชาวนาโกยะชื่นชอบกันอย่างมาก

โอยาโกะด้ง (Oyakodon)หรือก็คือข้าวหน้าไก่และไข่ ซึ่งแปลความหมายได้ว่าพ่อแม่และลูก โดยคำว่าโอยะหมายถึงพ่อแม่ ในโอยาโกะด้งก็คือเนื้อไก่ ส่วนคำว่าโกะหมายถึงลูกในโอยาโกะด้งก็คือไข่ไก่นั้นเอง โดยโอยาโกะด้งจะนำเนื้อไก่ ไข่ ต้นหอม มาตุ๋นรวมกัน ปรุงด้วยซอสซีอิ๊วรสหวาน และราดบนข้าวสวยร้อนๆก็เป็นอันเสร็จ 

อุด้งต้มมิโซะซุป (Misonikomi) เป็นเมนูอาหารที่ต่างจากทั่วไปตรงที่จะนำเส้นอุด้งลงไปต้มในซุปที่ทำจากมิโซะแดงโดยตรง ซึ่งต่างจากกรรมวิธีการทำปกติที่ต้องนำอุด้งไปต้มในน้ำเปล่าแยกก่อน จึงทำให้เส้นอุด้งนี้มีรสชาติของมิโซะจากการต้มจนเข้าเนื้ออยู่ด้วย ส่วนวัตถุดิบอื่นๆก็จะมีทั้งต้นหอมญี่ปุ่น เห็ดหอม เต้าหูทอด ไข่ไก่ และเนื้อไก่ หรืออาจจะเนื้อหมู

สปาเก็ตตี้ราดหน้า (Ankake spaghetti) คือการนำเส้นสปาเก็ตตี้เส้นหนาลงไปผัดในกระทะให้มีกลิ่นหอมจากนั้นราดหน้าด้วยซอสข้นๆเหนียวๆรสชาติออกเผ็ดๆด้วยสไตล์การปรุงแบบอาหารจีน ส่วนท็อปปิ้งของสปาเก็ตนั้นมีทั้งไส้กรอกเวียนนา กุ้งทอด เบคอน แฮม หัวหอม และพริกเขียว

ปีกไก่ทอดเทบาซากิ (Tebasaki) ปีกไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น เหมาะแก่การกินคู่กับเบียร์ หรือ สาเก อย่างยิ่ง ที่นาโกยะนั้นจะนำปีกไก่มาปรุงรสและคลุกเคล้าด้วยพริกไทยและงา ไม่ผ่านการชุบแป้งใดๆ ส่วนเคล็ดลับของเมนูอาหารชนิดนี้คือการนำปีกไก่ไปทอด 2 ครั้ง ถือเป็นอาหารง่ายๆแต่ได้รับความนิยมอย่างมากในนาโกยะ

 

 

สนับสนุนโดย  ae sexy

Hokkaido หนาวนี้ ไปเที่ยวกัน (กินไรดีนะ)

หนาวนี้ไปเที่ยวญี่ปุ่นที่เมืองฮอกไกโดกัน  ฉันได้มีโอกาสไปเที่ยวฮอกไกโด เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องของอาหารการกิน วันนี้ฉันจะมาแนะนำเมนูเด็ดที่ต้องมากินถึงที่นี้ 

อย่างแรกเลยก็ต้อง ราเมน สิ เพราะที่นี้ ราเมน ขึ้นชื่อมากนะ ยิ่งหนาวๆนี่ ยิ่งต้องกินราเมนเลย ที่ฮอกไกโดเองมีร้านราเมนทั้งหมดกว่า 300 ร้าน เพราะแบบนี้คุณที่ Remen Theme Park ได้เลย ที่นี้เข้ารวมร้านเด็ดมาให้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น มิโซะราเมน, โชยุราเมน, ชิโอะราเมน มีให้คุณเลือกตามชอบได้เลย ส่วนตัวฉันชอบชิโอะราเมนที่สุด 

อย่างที่สอง คุณต้องไปลองกินเนื้อย่างเจงกิสข่านที่ร้าน Daruma นะ เพราะฉันว่าเนื้อแกะที่นี้นำมาย่างบนเตาพิเศษแบบเฉพาะที่ฮอกไกโด ที่เรียกว่า เนื้อย่างเจงกิสข่าน นั้น อร่อยๆสุด เนื้อแกะหอมหวานชุ่มช่ำและไม่มีกลิ่นคาวเลย น้ำจิ้มสูตรเด็ด กินคู่กับผักอร่อยฟินไปเลยละ ร้านนี้เค้าอยู่มานานมากแล้วนะตั้ง 60 ปีแน่ะ

อย่างที่สาม ก็คือ ซูชิ! เพราะซูชิที่นี้สดใหม่มากก คุณต้องลองมา ร้าน Kaiten Sushi Hanemuro ฉันนั้นเป็นสายซูชิ คอนเฟิร์มว่าร้านนี้สดจริง สายซูชิห้ามพลาดเลย และร้านนี้เองกินซูขิจานเวียนที่คุณจะไม่ต้องตกใจกับราคาเมื่อคุณกินเสร็จ เพราะร้านนี้ราคาน่ารักและเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับวัตถุดิบที่ดีขนาดนี้ ร้านนี้มีหลายสาขา ฉันแนะนำว่าคุณเลือกสาขาที่คุณสะดวกแล้วไปลองกินดูนะ

กินคาวแล้วมาต่อของหวาน ร้านสุดท้ายของวันนี้ทีฉันจะแนะนำ สายหวานต้องชอบแน่นอน นั้นก็คือ ร้านพาร์เฟ่ต์สไตล์ Dip & Merry จริงๆร้านนี้เค้าก็มีอาหารจานเดียวกินง่ายๆให้คุณได้เลือกกินนะ แต่วันนี้เราจะมาตบท้ายด้วยของหวานกัน เพราะที่ร้านนี้เมนูพาร์เฟ่ต์ คือ ดีมากก ไอศกรีมที่เสิร์ฟมาเป็นชั้นๆ รสชาติเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นรสกาแฟ คาราเมล ผลไม้ต่างๆ กินคู่กับถั่วหรือ Waffle ถือว่าเข้ากันสุดๆ มองลองแล้วว่าสายหวานทุกคนต้องชอบบ

ที่ฮอกไกโด มีร้านชื่อดังมากมาย และคนส่วนใหญ่ชอบมาหาของอร่อยที่นี้กินกัน..ฉันเข้าใจเลยว่าทำไม ร้านพวกนี้ถึงขึ้นชื่อ เพราะของแต่ละร้านที่นี้อร่อยๆทั้งนั้น! ถ้ามีร้านไหนเด็ดไหนดีอีก ฉันจะไปลองและจะมาแนะนำทุกคนให้ไปกินดูนะ เพราะตอนนี้หนังท้องตึงมากแล้ว ขอเวลาไปเที่ยวฮอกไกโดก่อนนะ 

 

สนับสนุนโดย  Ufabet ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

หากอยากไปเที่ยวช่วงโควิด-19 ระบาดต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

           สำหรับนักท่องเที่ยวแล้วการได้เดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆเป็นสิ่งที่ให้ความสุขในชีวิตเป็นอย่างมากแต่เราก็รู้กันดีว่าในขณะนี้นั้นเพื่อทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือแม้แต่ต่างประเทศเองการจะเดินทางไปท่องเที่ยวนั้นมีความเสี่ยงเป็นอย่างมากเพราะขณะนี้มีการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า โควิด-19ทำให้การท่องเที่ยวในปัจจุบันค่อนข้างซบเซาผู้คนมักจะไม่ออกเดินทางไปท่องเที่ยว

ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเงียบเหงาพ่อค้าแม่ค้าไม่สามารถขายของได้แต่อย่างที่เราที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างก็รู้ดีกันอยู่ว่าการที่จะให้เราอุดอู้อยู่แต่ในบ้านเป็นระยะเวลานานๆนั้นมันก็ดูจะน่าเบื่อจนเกินไปดังนั้นเราสามารถไปท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆบ้านโดยไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้

เพื่อให้เราไม่รู้สึกว่าชีวิตดูน่าเบื่อมากนักแต่การจะไปเที่ยวในช่วงเวลานี้ควรจะมีการเตรียมความพร้อมเพื่อไม่ให้ตนเองต้องไปติดเชื้อไวรัสโควิด-19ในช่วงที่ออกไปเที่ยวดังนั้นสิ่งที่เราต้องเตรียมไปในช่วงของการท่องเที่ยวช่วงนี้ก็คือหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและขาดไม่ได้เลยจริงๆเพราะว่าหน้ากากอนามัยนั้นสามารถป้องกันได้ทั้งเชื้อโรคและฝุ่นละอองและที่สำคัญตอนนี้ใครก็ตามที่ออกนอกบ้านต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคนและอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือแอลกอฮอล์ล้างมือเพราะเวลาที่เราออกมาท่องเที่ยวข้างนอก

เราอาจจะได้จับสิ่งของต่างๆซึ่งเราไม่รู้ว่ามีเชื้อโรคแฝงตัวอยู่กับสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ดังนั้นก่อนที่เราจะมีการจัดสิ่งอะไรก็แล้วแต่เราควรใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือทำความสะอาดมือก่อนที่จะมีการจับสิ่งของนั้นๆเพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและเมื่อจับเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ควรใช้แอลกอฮอล์ล้างมืออีกครั้งหนึ่งเป็นการฆ่าเชื้อโรค

สิ่งที่ควรจะต้องพกติดตัวอีกอย่างนึงนั่นก็คือกระดาษเปียกเอาไว้สำหรับเช็ดมือเช็ดของก่อนที่เราจะมีการจับเพราะกระดาษเปียกนั้นจะช่วยให้เรารู้สึกว่าของที่เราจะจับนั้นสะอาดและปราศจากเชื้อโรคมากยิ่งขึ้นหากเรามีการเช็คสิ่งของเหล่านั้นด้วยกระดาษเปียกก่อนที่จะมีการจับลงไปซึ่งหากเรามี 3 สิ่งนี้อยู่ในมือเราก็สามารถท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆด้วยความสบายใจว่าเราจะปลอดภัย

จากเจ้าไวรัสโควิด-19นี้อย่างแน่นอนแต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญนอกเหนือจากการเที่ยวก็คือการเว้นระยะห่างระหว่างคนซึ่งหากเราไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่อาจจะมีคนเที่ยวอยู่ควรเดินเที่ยวให้ห่างจากคนอื่นอย่างน้อยประมาณ 1 เมตรเพื่อที่เราจะได้มั่นใจได้ว่าเราจะไม่ติดเชื้อไวรัสจากคนอื่นแน่นอน

 

 

สนับสนุนโดย  ดู E-SPORT

Hang Out ฮ่องกงย่านมงก๊ก

ฮ่องกงนั้นนอกจากจะเป็นเกาะที่ได้รับความนิยมในการไปท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้วนั้น สถานที่บันเทิงอย่างแหล่งแฮ้งเอาค์นั้นก็ถือว่าได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเช่นกัน ถ้าพูดถึงแหล่งแฮงค์เอาค์ในฮ่องกงนั้นก็ถือว่ามีมากมายหลายที่เลยทีเดียว โดยมีทั้งแบบที่เป็นนั่งชิวและแบบผับก็มี ร้านแต่ละแนวนั้นก็จะอยู่ในที่ที่แตกต่างกันไปเหมือนเป็นย่านๆนั่นเอง

เช่นในย่านชื่อดังอย่างมงก๊กนั้นร้านแฮ้งเอาค์ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นแนวร้านนั่งชิวและถ้าหากได้ได้แนวผับหรือสถานที่กึ่งผับหรือผับหน่อยก็อาจจะต้องข้ามฝั่งไปยังฝั่งเซนทรัลหรือแถวๆย่านลานไคฟงนั่นเอง

ต้องบอกเลยว่าคนฮ่องกงนั้นนิยมมาแฮ้งเอาค์กันในช่วงกลางคืนของทุกๆวันแต่จะเยอะในคืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์เพราะเป็นช่วงวันหยุดนั่นเอง และคนฮ่องกงนั้นจะนิยมดื่มเบียร์สดหรือคราฟเบียร์เป็นส่วนใหญ่เพราะร้านแฮ้งเอาค์ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเบียร์สดและคราฟเบียร์ทั้งของฮ่องกงและของนอกด้วยโดยแต่ละร้านนั้นให้ความสำคัญในเรื่องของเบียร์อย่างมาก

เพราะจะมีมากมายหลากหลายชนิดให้เลือกเลยทีเดียว ซึ่งราคานั้นอาจจะสูงกว่าบ้านเราค่อนข้างมากประมาณเท่าตัวได้เลย ฉะนั้นสำหรับคนที่จะไปแฮ้งเอาค์ที่ฮ่องกงนั้นคงจะต้องเตรียมเงินไปเพื่อแฮ้งค์เอาค์เยอะๆหน่อยนั่นเอง

แหล่งแฮงค์เอ้าค์ที่แนะนำก็คือย่านมงก๊ก สำหรับใครที่พักมงก๊กนั้นไม่ควรพลาดร้านนี้เลย เพราะเป็นร้านยอดนิยมของวัยรุ่นฮ่องกงเลยทีเดียว ชื่อร้านว่า Tap The Ale Project เป็นร้านที่มีเบียร์สดรสชาติดีและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้านมากกว่า20ชนิดเลยทีเดียว ซึ่งทางร้านนั้นก็จะมีบริการทั้งแบบเป็นแก้วและแบบเป็นเหยือก โดยราคาเริ่มต้นที่แก้วละ 300 บาทและแพงขึ้นไปเรื่อยๆแล้วแต่ประเภทของเบียร์นั่นเองส่วนราคาแบบเหยือกก็จะเริ่มต้นที่ 1,000และพงสุดที่ 3,000 แล้วแต่ชนิดของเบียร์เช่นกัน ซึ่งถ้าหากได้ไปร้านนี้นั้นนำนำว่าให้สั่งเป็นเหยือกจะคุ้มกว่า เหยือกใหญ่มากสามารถดื่มได้5-6แก้วใหญ่เลยทีเดียว

โดยรสชาติเบียร์แต่ละชนิดนั้นก็จะคล้ายๆกับเบียร์คราฟที่ไทยนี่แหละ แต่ความพิเศษก็คือมีให้เลือกเยอะมากๆ ถ้าหากเลือกไม่ถูกก็ให้บาเทรนเดอร์เลือกให้ก็เริ่ดมาก นอกจากเบีนร์แล้วนั้นทางร้านก็มีขนมกินเล่นและอาหารรองท้องด้วย แต่ราคาอาหารจะค่อนข้างแพงมากๆเลยดังนั้นควรทานอาหารมาให้อิ่มก่อนก็จะช่วยประหยัดได้ และต้องบอกเลยว่าร้านนี้เป็นร้านที่นักท่องเที่ยวนั้นไม่ค่อยรู้จัก เพราะเป็นร้านที่มีแต่คนฮ่องกงล้วนๆ สาวๆหรือหนุ่มๆถ้าอยากได้เพื่อนเพิ่มแล้วนั้นร้านแฮ้งเอ้าค์นี้ถือว่าห้ามพลาดเลยทีเดียว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ดูบอล

The Atlantic Ocean Roadหรือถนนสายเเอตเเลนติก

ที่ประเทศ นอร์เวย์ มีสะพานขึ้นชื่อเเห่งหนึ่งที่มีความสวยงามจนเหมือนงานศิลปะชิ้นนึงเลยที่เดียว สะพานเเห่งนี้มีชื่อว่า The Atlantic Ocean Road ซึ้งมีความยาว 8.3 กิโลเมตรที่ประกอบไปด้วยสะพานถึง 8 สะพาน เเละจุดชมวิลอีก 4จุดด้วยกัน

สะพาน The Atlantic Ocean Road เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเเผ่นดินใหญ่สองฝั่งของมหาสมุทรเข้าด้วยกันจุดที่เป็นปลายทางของทั้งสองด้านคือ เมือง Eide กับกับเกาะ Averoy เข้าด้วยกัน เเละในระหว่างทางจะผ่านเกาะเล็กถึง17 เกาะด้วยกัน มีจุดชมวิวสวยๆถึงเเปดเเห่ง เเต่ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุด คือจุดชมวิล Storseisundet Bridge

ในเส้นทางที่เชื่อมต่อกันจะได้เห็นความงดงามทางธรรมชาติทั้งภูเขา มหาสมุทรเเอตเเรนติค  เเต่ในความสวยงามก็เเฝงด้วยอันตรายจากเส้นทางคดเคี้ยวเเเละสะพานที่มีส่วนโค้งสูงเเละบิดไปมาเหมือนกับว่าจงใจสร้างเพื่อหลบคลื่นที่ซัดขึ้นมา  ข้อควรระวังเมื่อมาที่ถนนสายนี้เวลาที่มีคลื่นซัดจนน้ำทะเลกระจายขึ้นมาถึงบนสะพานอาจมีน้ำขังอยู่บนถนนทำให้ถนนลื่นทำให้ผู้ขับขี่จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เเละในช่วงฤดูใบไม่ร่วงถ้าหากเลือกที่จะใช้ถนนเส้นนี้มีโอกาสที่จะเจอกับพายุที่รุนเเรงจนบางครั้งเกิดเป็นพายุเฮอร์ริเคนเลยก็มี

The Atlantic Ocean Road ได้รับการยกย่องให้เป็น norwegian structure of the country เเปลเป็นไทยก็คือ เหมือน โครงสร้างของประเทศนอร์เวย์ เเละเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดในโลก เเละถูกจัดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เส้นทางท่องเที่ยวแห่งชาติอีกด้วย

เเผนการสร้างเเต่เดิมถูกเสนอให้เป็นเส้นทางรถไฟในต้นศตวรรษที่ 20 แต่เเผนการสร้างทางรถไฟก็ได้ถูกล้มเลือกไม่โดยไม่ทราบสาเหตุ เเละได้มีการวางแผนใหม่อย่างจริงจังในการสร้างเป็นสะพานขึ้นในปี 1970 การก่อสร้างเริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 1983 ในระหว่างการก่อสร้างต้องพบกับ อุปสรรคในการทํางานเพราะพื้นที่ก่อสร้างถูกพายุถล่มถึง 12 ครั้งด้วยกันโดยใช้ระยะเวลาในการสร้าถึง 6 ปีด้วยกัน  สะพานได้เปิดให้ใช้ได้เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2532 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายงบประมาณในการสร้างถึง 122 ล้านโครนนอร์เวย์ หรือ 412,376,103.บาทเลยที่เดียว 

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  Holiday Palace

เหตุผลที่ต้องไปเที่ยวญี่ปุ่น

แน่นอนว่าในการเที่ยวของแต่ละคนนั้นย่อมมีเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป สถานที่ที่เลือกไปล้วนมีเหตุผลที่อยากไปทั้งสิ้น และอีกประเทศที่เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะมีเหตุผลที่ต่างกันออกไปที่อยากจะลองสัมผัสประเทศนี้ดูสักครั้งนั่นก็คือประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง และหากใครที่ยังไม่รู้ถึงเหตุผลของตัวเองว่าเราจะไปญี่ปุ่นทำไมลองมาดูเหตุผลที่เราควรไปเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งกัน

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องศิลปวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างมาก ดังนั้นเหตุผลที่ควรจะมาเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งก็คงไม่พ้นเหตุผลที่ว่า มาศึกษาและชื่นชมความสวยงามทั้งวัฒนธรรม ศิลปะความเป็นอยู่ของญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งทั้งวัฒนธรรม ศิลปะผู้คนความเป็นอยู่ของญี่ปุ่นนั้นมีเสน่ห์น่าหลงไหลมากๆ และคนที่ได้มาเยือนญี่ปุ่นล้วนแต่ติดใจกับสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีการอนุรักษ์และรักษาความเป็นออริจินอลของคนญี่ปุ่นไว้ เช่น วัดต่างๆ ในญี่ปุ่นก็จะมีลักษณะที่เป็นแบบญี่ปุ่นสมัยก่อนนั่นเองซึ่งมีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของญี่ปุ่นมากๆเลย และยังมีการนำวัฒนธรรมกับศิลปะมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวด้วย ผู้คนและความเป็นอยู่ในประเทศญี่ปุ่นนั้น ผู้คนญี่ปุ่นจะเป็นคนที่ค่อนข้างมีน้ำใจและน่ารักมากๆเป็นกันเองแบบสุดๆและหากเราขอความช่วยเหลือจากคนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นนั้นจะพยายามช่วยเราอย่างเต็มที่เลยทีเดียวความเป็นอยู่นั้นก็มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายและบ้านเมืองเค้าก็สะอาดมากๆด้วย

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นสถานที่ที่มีความสวยงามมาก และมีหลากหลายที่ที่ควรต้องไปเยือนสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดังๆอย่าง ภูเขาไฟฟูจิ จัดว่าเป็นสถานที่ในลำดับต้นๆที่เป็นเหตุผลทำให้คนไปเยือนประเทศญี่ปุ่นก็ว่าได้เลยทีเดียว เพราะเป็นสิ่งแปลกใหม่และไม่สามารถหาดูที่ไหนได้นั่นเองและความตื่นเต้นในการไปดูภูเขาไฟฟูจินั้นก็คือการลุ้นว่าเราจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิไหมนั่นเอง เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามในทุกวัน เพราะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย หากวันไหนมีหมอกหรือเมฆมากก็อาจจบังภูเขาไฟฟุจิจนมองไม่เห็นเลยก็มี และตามความเชื่อบอกว่าหากใครได้มาเยือนแล้วเห็นภูเขาไฟฟูจินั้นจะทำให้ได้มาเยือนที่แห่งนี้อีกครั้งนั่นเอง

และเหตุผลที่ควรมาเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งคงหนีไม่พ้นเรื่องอาหารด้วย เพราะอาหารญี่ปุ่นนั้นก็มีหลากหลายเมนูที่ขึ้นชื่อถึงแม้จะมีการแพร่หลายของร้านอาหารญี่ปุ่นแต่การไปกินที่ประเทศต้นตำหรับของอาหารนั้นก็คือจะที่สุดแล้วเพราะจะได้ทานอาหารที่มีความออริจินอลจากฝีมือคนญี่ปุ่นแท้ๆและได้สัมผัสบรรยากาศกับร้านที่นั่งทานด้วย

 

เที่ยวมัลดีฟ หมู่เกาะสวรรค์ของใครหลายๆคน

 มัลดีฟ เป็นหมูเกาะหนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย มีน้ำทะเลล้อมรอบ มีน้ำทะเลที่ใสสะอาด เเละธรรมชาติ มากมาย หมูเกาะมัลดีฟ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเป็นสวรรค์ของใครหลายหลายคนที่ใฝ่ฝันอยากจะมาเที่ยวหมู่เกาะมัลดีฟ เพราะเป็นสถานที่ที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใจกลางทะเลมหาสมุทรอินเดียมีที่พักหรือรีสอร์ทกลางทะเลมีบริการที่ดีหลากหลายและคุ้มค่ามากๆสำหรับหมู่เกาะมัลดีฟ ประเด็นในเรื่องวิวและธรรมชาติและสีของน้ำทะเลที่สวยใสสะอาดน่าเล่นทำให้เป็นศูนย์กลาง ที่เรียกลูกค้าจากทั่วโลกให้มาเที่ยวหมู่เกาะมัลดีฟได้ เพราะน้ำทะเลสวยใส ปะการังก็ขึ้นเต็มทะเล น้ำก็ใส สามารถดำน้ำดูปะการังได้

เเถมยังได้พบเจอสัตว์ใต้น้ำ อย่างเช่น ปลาต่างๆ หรือปลาฉลามที่มาหากินเเถวนั้น เเต่จะพบเจอก็ไม่เเปลก เพราะมันอยู่กลางมหาสมุทร เเต่เเค่น้ำตื้น พวกฉลามก็จะหากินเเถวนั้นอยู่เเล้ว ทำไห้บางคนเจอฉลาม ถึงกับต้องเข้าไปถ่ายรูปเลยทีเดียวเพราะเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ได้มาเที่ยวหมู่เกาะมัลดีฟ และได้เจอสัตว์ต่างๆมากมายใต้ท้องทะเล

และได้เจอปะการังสวยสวยได้บรรยากาศที่ดีและวิวที่ดีสำหรับการถ่ายรูปสำหรับ ในส่วนของห้องพักนั้นห้องพักทุกห้องพักหรือทุกๆรีสอร์ท ก็จะฟังติดกับทะเลหมดเลยเพื่อวิวที่สวยงามในห้องพักนั้นก็จะมีห้องน้ำ มีสระว่ายน้ำส่วนตัว เเละยังมีอ่างน้ำหรือถ้าแพงหน่อยก็จะเป็นพวกมีสระน้ำภายในตัวบ้าน และเป็นวิวที่สวยงามเพราะสระน้ำติดกับทะเล ซึ่งห้องพักหรือรีสอร์ทก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปถ้าบางห้องก็มีตัวบ้านมีห้องน้ำ ราคาก็จะต่ำหน่อย สำหรับคนที่ชอบเรียบเรียบง่ายก็เลือกแบบนี้ก็ได้ในการพักผ่อน แต่สำหรับใครที่มากันหลายหลายคนหรือชอบความหรูหราความเป็นส่วนตัวและ

ชอบความสะดวกสบายก็สามารถเลือกรีสอร์ทที่เหมาะกับตนเองได้อย่างที่กล่าวไปคือเลือกห้องใหญ่หน่อยและอยู่กันได้หลายหลายคน สำหรับราคาอาหารก็จะรวมอยู่ในที่ที่เราเลือกอยู่แล้วเป็นบริการของแต่ละรีสอร์ทที่ต้องบริการเรา

ฉะนั้นเวลาไปเที่ยวมัลดีฟ ก็ไม่ต้องกลัวเรื่องการหาของกินไม่ได้ทางรีสอร์ทหรือที่พักก็จะมาเสิร์ฟให้ในเวลาที่เราต้องการ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินใดใดทั้งสิ้นเวลาไปอยู่ที่นั่น สำหรับใครที่อยากเดินทางไปหมู่เกาะมัลดีฟ สามารถเดินทางไปได้ง่ายๆคือ นั่งเครื่องบินหรือสายการบินที่ไปมัลดีฟ โดยไม่ต้องต่อเครื่อง พอถึงมัลดีฟ จะมีเรือ หรือเครื่องบิน มารับเราไปที่เกาะเลย ซึ่งสะดวกสบายมากๆในการไปเที่ยวหมู่เกาะมัลดีฟที่เเสนจะบรรยากาศดีเเบบนี้

การเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศ

  การที่เราเดินทางไปสถานที่ๆเราไม่รู้จักหรือต่างประเทศ ควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการไปไม่ให้มีข้อขัดข้องต่อการพักผ่อนของเรา ควรดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงเพื่อไม่ให้เป็นภาระของคนที่ร่วมเดินทาง ทำให้เราไปเที่ยวไม่สนุกไม่ถึงก็ต้องนอนพักรักษาตัวเพราะอย่างนั้นเราต้องดูแลร่างกายอยู่เสมอถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นไข้ง่ายก็ควรกินยาเอาไว้ก่อน แล้วถ้ารู้ว่าตัวเองเมาเครื่องบินหรือยาพาหนะก็เตรียมยาแก้เมายาพาหนะไปด้วยเป็นการป้องกันที่ดี อีกอย่างก่อนเดินทางควรตรวจเช็คสภาพอากาศให้ดีว่าตอนนี้มีสภาพอากาศยังไงร้อนหรือหนาวมีพายุไหมการเดินทางจะติดขัดหรือไม่

ถ้าอากาศหนาวเราควรเตรียมเครื่องนุ่งห่มดีๆสำหรับเราไปด้วย ถ้าเกิดไปหาซื้อที่ต่างประเทศอาจจะมีราคาที่แพง การเตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่องนั้นก็สำคัญไม่แพ้กันสิ่งเราควรตรวจเป็นอย่างแรกเลยคือ พาสปอร์ตสิ่งนี้สำคัญมากเพราะถ้าทำหายจะโดนจับกักตัวไม่ให้เข้าออกประเทศจนกว่าจะหาพาสปอร์ตเจอ

สิ่งที่สำคัญรองลงมาก็เป็น วีซ่า บัตรประชาชนพกติดตัวไว้ก็ดีและสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือ เงินเราควรเตรียมเงินไปให้พอใช้กับการเดินทางของเราเพราะทุกอย่างต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าโดยสาร ค่าที่พักค่าอารด้วยเช่นกัน ภาษาพื้นฐานของแต่ล่ะประเทศก็ควรศึกษาไว้ เพราะการเกิดอุบัติเหตุนั้นไม่รู้ว่าเกิดตอนไหนเมื่อไหร่ การที่เขาประกาศอพยพหรือประกาศแจ้งเตือนถ้าเราฟังที่เขาประกาศออกเราจะไหวตัวทันทำให้เรานั้นไม่เกิดอันตรายกับตัว หรือการที่เรารู้ภาษาพื้นฐานของเขานั้นอาจจะใช้ถามทางหรือสถานที่ดีๆได้ง่ายอาหารสำหรับต่างประเทศนั้นอาจจะไม่ถูกปากเรามากนั้น

เราควรหาร้านที่เป็นสากลหรือร้านอาหารฝรั่งที่มีขายในประเทศเรา อย่างเช่น แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า และอื่นๆ อย่างน้อยเราก็กินได้ง่ายกว่าอาหารพื้นเมืองของประเทศนั้นและการที่เราจะเล่นโซลเชี่ยวได้นั้นเราต้องใช้ซิมการ์ดของประเทศเขาเท่านั้นเพื่อบริการอินเทอร์เน็ตและการติดต่อสื่อสารกันระหว่างประเทศหรือในประเทศ

เราจะนำซิมการ์ดของเราเข้าใช้ในต่างประเทศไม่ได้เราจะไม่มีสัญญาใช้เช่นนั้นเราควรเตรียมตัวไว้ให้พร้อม การที่เราจะมาในต่างประเทศนั้นเราต้องศึกษกฏหมายข้อห้ามให้ดีว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ ไม่งั้นเราจะเสี่ยงในการถูกจับหรือถูกปรับโดยไม่จำเป็น บางสิ่งที่เราทำนั้นอาจจะผิดกฎร้ายแรงได้ และควรดูข่าวด้วยว่ามีอะไรผิดปกติไหมในประเทศ อย่างเช่น ไวรัส โรคระบาด